ศ.นพ.รัชตะกล่าวว่า ได้รับหนังสือจากเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ได้ร้องเรียนและมอบรายชื่อ 30,000 รายชื่อ เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการควบคุมราคาค่ารักษาของโรงพยาบาลเอกชน และตรวจสอบการเก็บเงินที่ไม่ถูกต้อง การเรียกเก็บเงินซ้ำซ้อน ซึ่งเรื่องนี้ท่านนายกรัฐมนตรีได้ปรารภและให้ความสำคัญเป็นเรื่องเร่งด่วน ในส่วนกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งดูแลเรื่องนี้เพื่อคลี่คลายความเดือดร้อนประชาชน โดยจะต้องพิจารณาที่มาที่ทำให้อัตราค่ารักษาแพง ซึ่งต้นทุนของโรงพยาบาลเอกชนแตกต่างกัน ทั้งขนาดของโรงพยาบาล และต้นทุนในเรื่องแพทย์ เครื่องมือแพทย์ ค่าห้อง ค่ายา ค่าตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ จึงต้องวิเคราะห์ให้ชัดเจน
ศ.นพ.รัชตะกล่าวต่อว่า ในการหารือครั้งนี้ ได้ให้หน่วยงานทบทวน รวบรวมกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและอยู่ในความดูแลของกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมด คือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 รวมทั้งประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ออกตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 พ.ร.บ.ยาพ.ศ.2510 และประกาศอัตราค่ารักษาพยาบาลโรงพยาบาลภาครัฐ อัตราค่ารักษากรมบัญชีกลางของโรงพยาบาลรัฐ แนวทางการคิดค่าบริการของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทยสภา และพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 และประกาศที่ออกตามพ.ร.บ.นี้ของกระทรวงพาณิชย์ด้วย รวมทั้งงานวิจัยที่เกี่ยวกับราคายาของสถานพยาบาลเอกชน เพื่อเป็นข้อมูลหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับรพ.เอกชนในการดูแลผู้ป่วยในโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และแพทยสภา ในวันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2558 นี้ เพื่อเลือกวิธีคลี่คลายปัญหาให้ดีที่สุดและเร็วที่สุด ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แล้ว ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ เมื่อได้แนวทาง ขั้นตอนต่อไปจะนัดหารือกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชน บริษัทที่เกี่ยวกับการประกันสุขภาพ และบริษัทผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับยา ซึ่งถือเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย
ศ.นพ.รัชตะกล่าวต่อไปว่า ได้มีการพิจารณาแนวทางการทำงานหลายองค์ประกอบ ทั้งการติดประกาศอัตราค่ารักษาให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนรับรู้ประกอบการตัดสินใจใช้บริการ การควบคุมราคายาที่ใช้ในโรงพยาบาลเอกชน เพื่อให้ราคายาสมเหตุสมผลและเป็นไปขอบเขตตามกฎหมายที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งเรื่องอื่นๆ เช่นอัตราค่าตรวจวินิจฉัยโรคด้วยวิธีการต่างๆ โดยจะพิจารณาด้วยความรอบคอบ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจและมีผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ซึ่งอาจจะยังไม่จบในขั้นตอนเดียว อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้หากมีการร้องเรียนจากประชาชน ได้จัดช่องทางด่วนในการร้องเรียนผ่านกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 021937999 และกำลังพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการหลายฝ่ายมาร่วมแก้ไขร่วมกันเพื่อความเป็นธรรมทุกฝ่าย
13 พ.ค.58
ที่มา: http://www.thaigov.go.th