เมื่อวันที่ ๑๕ พ.ค. ๕๘ เวลา ๑๖.๐๐ น. ที่
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ นาย
วิเชียร ชวลิต ปลัด
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการเข้าตรวจสอบพื้นที่ที่เป็นแคมป์ที่พักและหลุมฝังศพของชาวโรฮีนจาที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ บนเทือกเขาแก้ว บริเวณเขตชายแดนไทย–มาเลเซีย ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา จากนั้น มีการจับกุมกลุ่มชาวโรฮีนจา จำนวนมาก แล้วส่งต่อให้หน่วยงานในพื้นที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ รับเข้าไว้ในความคุ้มครองดูแล จำนวน ๒๗๑ ราย จากกระบวนการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ทุกคน พบว่า มีชาวโรฮีนจาเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จำนวน ๑๙๐ ราย และเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน ๘๑ ราย โดยผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ทั้ง ๑๙๐ ราย กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ให้ความคุ้มครองดูแลในสถานคุ้มครองสวัสดิภาพฯ จังหวัดระนอง จำนวน ๒๘ ราย สถานคุ้มครองสวัสดิภาพฯ จังหวัดสงขลา จำนวน ๘๓ ราย สถานคุ้มครองสวัสดิภาพฯ จังหวัดปทุมธานี จำนวน ๒๒ ราย สถานคุ้มครองสวัสดิภาพฯ จังหวัดเชียงราย จำนวน ๒๐ ราย สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ จำนวน ๓๖ ราย และบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดพังงา จำนวน ๑ ราย สำหรับชาวโรฮีนจาที่เป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายอีก ๘๑ ราย อยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดพังงา จำนวน ๒๑ ราย บ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดปัตตานี จำนวน ๕ ราย บ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดสตูล จำนวน ๒ คน และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ จำนวน ๕๓ ราย (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๔ พ.ค. ๕๘)
"ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและชัดเจนในการดำเนินการคุ้มครองดูแลชาวโรฮีนจา ทั้งผู้ที่เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายของหน่วยงานในพื้นที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะดำเนินการเปิดเผยยอดตัวเลขชาวโรฮีนจาเป็นประจำทุกวัน ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ให้ความคุ้มครองดูแลชาวโรฮีนจาเหล่านั้น โดยยึดหลักสิทธิมนุษยธรรมและความเข้มงวดในเรื่องการรักษาความปลอดภัย เพื่อเป็นการป้องกันการหลบหนีและลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์อีก”นายวิเชียร กล่าวท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th