วันนี้ (20 พ.ค.58) เวลา 13.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 2/2558 โดยมีหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี นายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม
ภายหลังการประชุม หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เผยถึงผลการประชุมว่า ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางที่มาร่วมประชุมวันนี้แจ้งว่าราคายางพาราขณะนี้ปรับตัวสูงขึ้นจนถึงจุดที่เกษตรกรสามารถเดินต่อได้แล้ว ที่ประชุมจึงได้หารือร่วมกันและเตรียมการรองรับหากราคายางไม่ขยับขึ้นในฤดูกาลหน้า ทั้งนี้ มีวงเงินที่ได้นำมาใช้ประโยชน์คือ 1. วงเงินที่สหกรณ์กู้เพื่อไปใช้หมุนเวียน 2. วงเงินที่สหกรณ์กู้เพื่อไปแปรรูปยาง ซึ่งเกษตรกรได้ขอให้ขยายระยะเวลาวงเงินดังกล่าวออกไป โดยที่ประชุมก็ได้เห็นชอบให้ขยายออกไป ส่วนวงเงินในโครงการที่องค์กรสวนยางใช้ในการทำมูลภัณฑ์กันชน เกษตรกรได้เสนอให้ยกเลิกการทำมูลภัณฑ์กันชนเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางในปีหน้า แต่ขอให้พิจารณาในรูปวงเงินอื่นที่จะช่วยเหลือเกษตรกรได้ต่อไป ซึ่งรัฐบาลจะนำเรื่องนี้ไปพิจารณา
สำหรับวงเงินสินเชื่อช่วยชาวสวนยาง ของ ธ.ก.ส. ที่ให้เกษตรกรกู้รายละไม่เกิน 100,000 บาท ได้จ่ายเงินให้เกษตรกรไปแล้ว 40,000 ราย และขณะนี้อนุมัติเพิ่มอีก 40,000 รายที่จะจ่ายเงินให้เกษตรกรในเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมเป็น 80,000 ราย คิดเป็นวงเงินรวม 8,000 ล้านบาท ซึ่งยังมีวงเงินสินเชื่อในส่วนนี้เหลืออีก 2,000 ล้านบาท โดยหากมีการใช้เต็มวงเงิน 10,000 ล้านบาทเกษตรกรได้ยื่นข้อเสนอขอเพิ่มวงเงิน รัฐบาลก็พร้อมจะพิจารณาให้ต่อไปเพราะเรื่องนี้เป็นอนาคตของเกษตรกรชาวสวนยาง
พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการระบายสต็อกยางว่า สต็อกยางพาราขณะนี้มีอยู่สองสต็อกรวม 340,000 ตัน โดยสต็อกแรกเป็นสต็อกเก่าจากรัฐบาลที่แล้วจำนวน 200,000 ตัน ส่วนอีกสต็อกคือที่ให้องค์กรสวนยางไปสร้างมูลภัณฑ์กันชนจำนวน 140,000 ตัน ซึ่งขณะนี้นายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เจรจาขายยางในสต็อกให้กับประเทศจีนได้แล้ว 2 สัญญารวม 400,000 ตัน โดยจะทยอยส่งออกยางไปยังประเทศจีนในสัญญาที่ 1 ระดับมณฑล 200,000 ตัน และสัญญาที่ 2 ระดับประเทศ 200,000 ตัน ซึ่งจะไม่กระทบกับตลาดซึ่งเกษตรกรก็มีความพอใจ เพราะจะไม่มีการนำสต็อกยางพารานี้เข้าสู่ตลาด แต่จะขายนอกตลาดไปยังผู้ซื้อ โดยคาดว่าจะใช้เวลา 1 ปีในการทยอยส่งออกยางพาราในสต็อกดังกล่าว และไม่มีสต็อกยางที่จะกดดันราคายางพารา เพราะได้มีการเจรจาขายนอกตลาดไปยังประเทศจีนไว้ 2 สัญญาแล้ว
ด้านนายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าเกษตรกรพอใจราคายางแผ่นรมควันในขณะนี้ที่ราคา 58 บาทต่อกิโลกรัม แต่หากราคายางตกกว่านี้ก็ต้องการให้รัฐบาลเข้ามารับซื้อยางพาราหรือชดเชยส่วนต่างราคายางพารา นอกจากนี้จะยังคงเดินหน้าลดพื้นที่การปลูกยางให้เหลือ 1 ล้านไร่ทั่วประเทศ และป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th