พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิดย้ำ รัฐบาลไทยมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนที่จะไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบใด ยึดหลักการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม รวมทั้งได้มีการตรวจสอบกับทหารทุกนายที่ปฏิบัติการช่วยเหลือในคืนนั้นยืนยันว่า ไม่มีการใช้อาวุธปืนข่มขู่ตามคำกล่าวอ้าง
ข้อเท็จจริงคือ เมื่อตรวจสอบพบเรือของผู้ลักลอบ ได้มีการสอบถามพูดคุย พบว่า ทั้งหมดต้องการเดินทางต่อไม่ประสงค์จะขึ้นฝั่งไทยโดยร้องขออาหารและน้ำดื่ม
"รัฐบาลและกองทัพเรือขอปฏิเสธข่าวที่ไร้มูลความจริงนี้โดยสิ้นเชิง ข้อเท็จจริงคือนอกจากทหารเรือไทยจะให้อาหารและน้ำดื่มตามหลักมนุษยธรรมแล้ว ยังช่วยซ่อมเครื่องยนต์เรือที่ชำรุดให้ตามที่ร้องขอ ซึ่งต้องดำเนินการถึงตีสามกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจในวันนั้น
ดังนั้นหากคิดจะใช้กำลังข่มขู่ขับไล่ก็ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องไปสอบถาม ไปให้การช่วยเหลือจนค่อนคืน และในวันนั้นก็มีสื่อมวลชนเป็นพยาน มาบันทึกภาพเหตุการณ์การช่วยเหลือด้วยความตั้งใจของทหารเรือไทย รัฐบาลไทยรู้สึกเจ็บปวดกับคำกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยและทำให้ทหารเรือไทยซึ่งทุ่มเท ตั้งใจทำงานทั้งเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมมนุษย์ และเพื่อปกป้องอธิปไตยทางทะเลของชาติรู้สึกเสียใจไม่น้อย"
พลตรีสรรเสริญ กล่าวต่อว่าแม้จะได้รับการกล่าวร้ายที่ไม่เป็นธรรมซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการที่นานาชาติจะเข้าใจประเทศไทยผิด แต่รัฐบาลไทยยังจะไม่เปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติต่อผู้เคลื่อนย้ายโดยไม่ปกติเหล่านี้ โดยหากอยู่ในเขตนอกน่านน้ำไทยก็จะให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม เช่นให้อาหารน้ำดื่ม หากประสงค์จะเข้าเขตน่านน้ำไทยก็ต้องเข้าสู่กระบวนการกฎหมายไทยในฐานะผู้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายต่อไป
"สุดท้ายอยากฝากให้สื่อมวลชน พิจารณานำเสนอข่าวอย่างรอบคอบ โดยใช้หลักเหตุและผลตรึกตรอง เพื่อมิให้ข้อมูลอันเป็นเท็จเหล่านี้มาบั่นทอนกำลังใจผู้ที่ตั้งใจทำงาน"
ที่มา: http://www.thaigov.go.th