ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้า ได้กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน:จุดเริ่มต้นของการฟื้นตัว โดยได้กล่าวสรุปว่า SMEs รู้สึกว่าจะมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจคือไตรมาสที่สามและไตรมาสที่สี่ ขณะที่ประชาชนยังเห็นภาพไม่ชัด เพราะเมื่อเอกชนเติบโตแล้วจะมีการจ้างงานและให้โอที ตลอดจนเงินเดือนเพิ่ม ทั้งนี้คาดว่าประชาชนจะเริ่มรู้สึกว่าเศรษฐกิจจะดีในช่วงปลายปีคือช่วงเทศกาลลอยกระทง แต่ความเสี่ยงของประเทศไทยคือเศรษฐกิจโลกที่ไม่ฟื้นตัวทำให้สินค้าเกษตรยังไม่มีสัญญาณที่ดี ดังนั้นคงต้องขับเคลื่อนประเทศด้วยการลงทุนภาครัฐ ภาคการท่องเที่ยว และเติมมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรในระยะยาว
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "นายกฯพบหอการค้า : รวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" โดยได้กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ประเทศไทยจึงมีการต้องเตรียมความพร้อมรับมือให้ทันต่อสถานการณ์ โดยต้องสร้างความเข้มแข็งของประเทศในทุกๆ ด้าน ทั้งภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม การบริการ การขนส่ง และโลจิสติกส์ ในการเข้าสู่การเปิดเสรีทางการค้า การลงทุนกับประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งทุกคนต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับบริบทต่าง ๆ ทั้งเรื่องของการเชื่อมโยง connectivity Value Chain การเป็นประชาคมเดียว ฯลฯ ซึ่งในประชาคมอาเซียนเราต้องเป็นเศรษฐกิจเดียวกันทั้งอาเซียน โดยมีหลักการที่จะดำเนินการบนความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งการลงทุนร่วมกันและการแข่งขัน เพื่อสร้างความเข้มแข็งในอาเซียน ซึ่งประเทศในสมาชิกอาเซียนต่างก็เห็นพ้องต้องกันในการที่จะร่วมมือกัน เพื่อให้เอื้อต่อการแข่งขันอย่างเป็นธรรมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลผลิตทางการเกษตร เช่น ยาพารา ข้าว เป็นต้น
พร้อมทั้งฝากให้หอการค้าไทย ผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจเอกชน ร่วมกันผลิตสินค้าไทยที่ดีและมีคุณภาพไปจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น เพราะสิ้นค้าไทยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันก็ขอให้มีการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพราคาประหยัดสำหรับคนไทยโดยอาจจะใช้บรรจุภัณฑ์หรือหีบห่อไม่ต้องสวยงามมากนัก และให้ส่งไปขายตามร้านค้า สหกรณ์ชุมชน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่เกิดจากความยากจนขึ้นอีก
ขณะนี้รัฐบาลได้เร่งดำเนินการในการขยายโครงข่ายการคมนาคม เพื่อพัฒนาภาคธุรกิจทั้งระบบ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายฐานการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ สนองตอบต่อความต้องการของผู้บริโภคในภูมิภาคตามยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาค เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม มาสนับสนุนการค้า การลงทุน ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจสูงสุด และส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน
รวมทั้งได้มีการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้น เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้า การลงทุน และเร่งรัดการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนและเมืองชายแดน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบโลจิสติกส์ของประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า และการขนส่ง การบริการ และเพื่อให้สามารถเชื่อมโยงระบบการผลิตกับพื้นที่ตอนในของประเทศ และการลงทุนข้ามแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันขอให้ทุกคนได้ช่วยกันการพัฒนาศักยภาพ SMEs ให้มีความเข้มแข็ง
ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีนโยบายในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่มีเป้าหมายให้ประเทศชาติมีความมั่นคง ประชาชนมีความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ยกระดับประชาชนให้มีความเป็นอยู่ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยขอให้ทุกคนร่วมกันสร้างปัจจุบันให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยและวางพื้นฐานไปสู่อนาคตเพื่อนำพาประเทศเดินหน้าต่อไปให้ได้ ซึ่งจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ทุกคนมีความภาคภูมิใจในวันข้างหน้า
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th