ภายหลังการหารือ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีต่อการรับตำแหน่งในประเทศไทยของ นายพอล โรบิลลียาร์ด โดยการพบกันครั้งนี้ เป็นครั้งที่สอง หลังการเยือนไทยของรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศออสเตรเลียในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีมายาวนานและครบรอบ 60 ปีในปีนี้ ซึ่งทั้งสองเห็นพ้องที่จะขยายขอบข่ายความร่วมมือที่มีอยู่แล้วในด้านต่างๆให้ลึกซึ้งมาก เพื่อนำไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนในทุกมิติ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้แสดงความชื่นชมโครงการนิวโคลัมโบฉบับใหม่ (New Columbo Plan) ที่เน้นการให้ทุนการศึกษากับนักศึกษาออสเตรเลียให้มาศึกษาในเอเชีย รวมทั้งไทย ซึ่งไทยเองได้เตรียมความพร้อมของมหาวิทยาลัยสำหรับการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวแล้ว หวังว่าจะมีนักศึกษาชาวออสเตรเลียมาศึกษาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าทางการเมือง ว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการปฏิรูปไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นไปตามโร้ดแม็ป และย้ำว่า ไทยต้องการเห็นรัฐธรรมนูญที่ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วนและไม่สร้างความขัดแย้งเช่นในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งทางออสเตรเลียได้สนับสนุนในหลักการนี้เพื่อให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่ยั่งยืน พร้อมกับแสดงความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินการสู่ประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิรูปและการพัฒนาทางการเมือง ตลอดจน การสร้างความรับรู้ที่ถูกต้อง
สำหรับความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน สองฝ่ายยืนยันที่จะขยายมูลค่าตามที่ได้ตกลงกันไว้ คือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 หรือ ประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ในโอกาสครบรอบ 10 ปีการลงนามความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย รัฐมนตรีการค้าและการลงทุนออสเตรเลียจะนำคณะนักธุรกิจออสเตรเลียเยือนประเทศไทย เพื่อสานความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนและธุรกิจระหว่างกันต่อไป
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์ที่กำลังคุกคามประเทศในภูมิภาคนี้ ซึ่งออสเตรเลียเห็นว่า เป็นปัญหาที่ต้องร่วมกันแก้ไข พร้อมกับชื่นชมไทยต่อความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมพิเศษ ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย (Special Meeting on Irregular Migration in the Indian Ocean)เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา ด้วย
โดยในเรื่องนี้ ไทยประสงค์ที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดทั้ง กับออสเตรเลีย เพื่อแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการหยุดยั้งการหลั่งไหลเข้ามาทางเรือของผู้แสวงหาที่พักพิงและกระบวนการลอบขนคน ซึ่งออสเตรเลียเห็นด้วย และพร้อมจะร่วมมือกับไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ โครงการออสเตรเลีย-เอเชียเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ (Australia Asia Program to Combat Trafficking in Persons- AAPTIP) เพื่อลดเหตุจูงใจและโอกาสในการค้ามนุษย์ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคของอาเซียนต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th