กรณีเรื่องค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนที่มีการนำเสนอข้อมูลบางส่วนคลาดเคลื่อน โดยระบุว่ารัฐบาลต้องการที่จะปรับราคาค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนให้เท่ากับโรงพยาบาลของรัฐนั้น ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากโดยปกติค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนจะมีราคาที่สูงกว่าโรงพยาบาลของรัฐอยู่แล้ว แต่ที่นายกรฐมนตรี ปรารภก็คือราคาค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนที่สูงขึ้นจะต้องมีความเป็นธรรมมีเหตุมีผลรองรับและไม่สูงมากจนเกินไป ซึ่งสิ่งที่จะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวได้คือโรงพยาบาลเอกชนจะต้องมีการติดราคาค่ารักษาพยาบาลแต่ละประเภท หรือแต่ละโรค และแต่ละชนิดของยาต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถที่จะเลือกรับบริการได้ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการรักษาพยาบาลให้กับบุคคลที่สามารถเข้าถึงการให้บริการของโรงพยาบาลเอกชนซึ่งมีราคาที่สูงกว่าโรงพยาบาลรัฐ ส่วนบุคคลใดที่มีรายได้ไม่มากนักก็สามารถเข้ารับบริการการรักษาของโรงพยาบาลรัฐได้ อย่างไรก็ตามมาตรฐานการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลรัฐจะต้องมีมาตรฐานที่ดีสามารถดูแลรักษาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ของประชาชนได้อย่างมีมาตรฐาน
พร้อมกันนี้ ที่ประชุม ครม. ได้กำหนดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในวันที่ 4 มิถุนายน 2558 ที่สภาฯ โดยจะมีการเชิญคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นักวิชาการ และสื่อมวลชน เข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งนี้สิ่งที่รัฐบาลคาดหวังจากการประชุมครั้งนี้คือต้องการที่จะชี้แจงให้ สนช. สปช. และคณะกรรมาธิการฯ รับทราบว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการในเรื่องใดไปแล้ว โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในอดีตที่ผ่านมาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเป็นการปฏิรูประยะที่ 1 และระยที่ 2 ในช่วงของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ควบคู่กันไป รวมทั้งเพื่อให้ สนช. และสปช. ได้นำสิ่งต่าง ๆ ที่รัฐบาลและคสช.ดำเนินการไว้แล้วทั้งในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ไปดำเนินการวางแผนและแนวทางเพื่อให้สามารถปฏิรูปในเรื่องต่าง ๆ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ขณะเดียวกันเพื่อให้งานที่รัฐบาลและคสช.ดำเนินการไว้ได้ถูกสานต่อในรัฐบาลชุดต่อไป
สำหรับการประชุมฯ ในวันที่ 4 มิถุนายน 2558 นั้น นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายรองนายกรัฐมนตรีของแต่ละกลุ่มงาน ทั้งกลุ่มความมั่นคง กลุ่มเศรษฐกิจ กลุ่มต่างประเทศ และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกระบวนการยุติธรรมและกฎหมาย เป็นผู้รวบรวมประเด็นของคณะรัฐมนตรีที่อยู่ในกลุ่มงานนั้น ๆ เป็นผู้ชี้แจง ซึ่งคาดว่าแต่ละกลุ่มจะใช้เวลาชี้แจง ประมาณ 30 นาที ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันเพื่อให้แนวทางที่ชัดเจนเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปและส่งต่อรัฐบาลชุดต่อไป
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ปรารภว่า คสช.และรัฐบาลสามารถบริหารประเทศอยู่ได้จนขณะนี้ เพราะอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจของประชาชน ซึ่งสิ่งสำคัญเกิดจากการบริหารงานที่มีความโปร่งใส สุจริต ยุติธรรม เสมอภาค และมีการป้องกันและปรามปรามการทุจริตอย่างเต็มขีดความสามารถ เพราะฉะนั้นคณะรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องทุกคนจะต้องดูแลบุคคลที่อยู่รอบตัวเพื่อให้ทรงสถานะหรือสภาพเช่นนี้ต่อไปให้ได้ และอย่ากระทำในสิ่งที่จะเป็นช่องทางทำให้สังคมเกิดความไม่มั่นใจและขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล ทั้งนี้ตามบทบาทหน้าที่ต่าง ๆ ของแต่ละบุคคลคนที่อยู่รอบตัวคณะรัฐมนตรี จะมีบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ขอให้ทำงานไปตามบทบาทหน้าที่โดยไม่เกินเลยจากบทบาทหน้าที่ของตนเอง โดยเฉพาะในเรื่องการติดต่อประสานงาน การกำกับดูแลส่วนราชการต่าง ๆ ที่อยู่ในกำกับของกระทรวง โดยขอให้ดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อบและให้เกียรติซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ซึ่งขณะนี้เกษตรกรนิยมปลูกมากขึ้น โดยได้ให้ข้อสังเกตและข้อคิดเห็นว่า หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการสนับสนุนส่งเสริมการปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ให้รัดกุมและรอบคอบ โดยให้อุปสงค์และอุปทานมีความสมดุลและใกล้เคียงกัน รวมทั้งต้องมีการหาตลาดรองรับผลผลิตข้าวไรซ์เบอรี่ และมีการจำกัดพื้นที่การเพาะปลูกให้เป็นไปอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำเหมือนเช่นพืชทางการเกษตรประเภทอื่นที่ผ่านมา
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th