รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนเมษายน 2558

ข่าวทั่วไป Friday May 29, 2015 12:15 —สำนักโฆษก

“เศรษฐกิจไทยล่าสุดในเดือนเมษายน 2558 พบว่า การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ในภาพรวม สะท้อนจากยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังคงชะลอตัวอยู่บ้าง สำหรับภาคการส่งออกสินค้า มีการหดตัวเล็กน้อย ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในด้านอุปทานได้รับแรงสนับสนุนสำคัญจากการขยายตัวในภาคการท่อง เที่ยว แม้ว่าผลผลิตภาคการเกษตรกรรมยังคงหดตัวต่อเนื่อง ในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยทั้งภายในและภายนอกประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี”

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนเมษายน 2558 “เศรษฐกิจไทยล่าสุดในเดือนเมษายน 2558 พบว่า การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ในภาพรวมสะท้อนจากยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังคงชะลอตัวอยู่บ้าง สำหรับภาคการส่งออกสินค้ามีการหดตัวเล็กน้อย ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในด้านอุปทานได้รับแรงสนับสนุนสำคัญจากการขยายตัวในภาคการท่องเที่ยว แม้ว่าผลผลิตภาคการเกษตรกรรมยังคงหดตัวต่อเนื่อง ในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยทั้งภายในและภายนอกประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี” ทั้งนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจไทยล่าสุดในรายละเอียดพบว่า

การบริโภคภาคเอกชนในเดือนเมษายน 2558 ขยายตัวได้ในภาพรวม สะท้อนจากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บบนฐานการบริโภคภายในประเทศ ณ ราคาคงที่ ในเดือนเมษายน 2558 ขยายตัวต่อเนื่องที่ ร้อยละ 12.8 ต่อปี ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บบนฐานการนำเข้า ณ ราคาคงที่ ยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -10.9 ต่อปี ส่งผลให้ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ในภาพรวมขยายตัวร้อยละ 2.5 ต่อปี แต่เมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกหดตัวร้อยละ -2.6 ต่อเดือน อย่างไรก็ดี การบริโภคสินค้าคงทนยังคงหดตัว สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือนเมษายนหดตัวร้อยละ -18.4 ต่อปี หรือคิดเป็นการหดตัวร้อยละ -31.4 ต่อเดือน โดยเป็นการหดตัวของยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และเขตภูมิภาค ตามรายได้เกษตรกรที่แท้จริงที่หดตัวในระดับสูง สอดคล้องกับปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งยังคงหดตัวเช่นกันที่ร้อยละ -24.7 ต่อปี นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 มาอยู่ที่ระดับ 66.0 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างชัดเจน การส่งออกที่ยังคงหดตัว และราคาพืชผลทางการเกษตรยังอยู่ในระดับต่ำ การลงทุนภาคเอกชนในเดือนเมษายน 2558 ส่งสัญญาณชะลอตัวโดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดก่อสร้างสะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์หดตัวร้อยละ -3.3 ต่อปี หรือคิดเป็นการหดตัวร้อยละ -2.1 ต่อเดือน อย่างไรก็ดี ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเดือนเมษายน 2558 ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 9.4 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกขยายตัวเช่นกันที่ร้อยละ 5.3 ต่อเดือน สำหรับการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนเมษายนยังคงหดตัวที่ร้อยละ -27.3 ต่อปี ขณะที่ ปริมาณนำเข้าสินค้าทุนในเดือนเมษายน 2558 กลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 5.5 ต่อปี และขยายตัวได้ร้อยละ 10.6 ต่อเดือน อย่างไรก็ตาม เมื่อหักสินค้าพิเศษเครื่องบินเรือและรถไฟพบว่าหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -3.7 ต่อปี แต่เมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกพบว่า สามารถขยายตัวได้ร้อยละ 2.4 ต่อเดือน

สถานการณ์ด้านการคลังในเดือนเมษายน 2558 สะท้อนบทบาทนโยบายการคลังในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทยผ่านการขาดดุลงบประมาณ โดยรัฐบาลขาดดุลงบประมาณในเดือนเมษายน 2558 จำนวน -45.0 พันล้านบาทโดยการจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักการจัดสรรให้ อปท.) ในเดือนเมษายนมีจำนวนทั้งสิ้น 168.0 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 23.2 ต่อปี ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณรวมในเดือนเมษายน 2558 เบิกจ่ายได้จำนวน 191.5 พันล้านบาท หดตัวร้อยละ -2.2 ต่อปี

สำหรับอุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้าในเดือนเมษายน 2558 มีการหดตัวเล็กน้อย โดยในเดือนเมษายน 2558 หดตัวชะลอลงที่ร้อยละ -1.7 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกพบว่า สามารถขยายตัวได้ ร้อยละ 2.8 ต่อเดือน โดยการส่งออกสินค้าที่หดตัวลงในเดือนเมษายนมาจากสินค้าในหมวดสินค้า อุตสาหกรรมเกษตร และเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่สินค้าที่ยังขยายตัวได้ดี ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์และยานพาหนะ สำหรับตลาดส่งออกหลักที่ หดตัวในเดือนเมษายน ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอาเซียน-9 และอาเซียน-5 ขณะที่ตลาดส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย และเวียดนาม

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ชี้แจงข้อมูลเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมว่า สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทานได้รับแรงสนับสนุนสำคัญจากการขยายตัวในภาคการท่องเที่ยว โดยข้อมูลล่าสุดในเดือนเมษายน 2558 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในไทย 2.42 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 25.1 ต่อปี โดยนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีมาจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางระยะใกล้จากจีนและมาเลเซีย เป็นหลัก นอกจากนี้ ข้อมูลเบื้องต้นในช่วง 12 วันแรกของเดือนพฤษภาคม 2558 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8.6 แสนคน ขยายตัวต่อเนื่องอยู่ที่ร้อยละ 22.9 ต่อปี สะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่งของภาคการท่องเที่ยวต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมในเดือนเมษายน 2558 ยังคงส่งสัญญาณหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -13.3 ต่อปี ตามการหดตัวของผลผลิตข้าวเปลือก ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นสำคัญ นอกจากนี้ ดัชนีผลผลิตอุตหสากรรมในเดือนเมษายน 2558 หดตัวร้อยละ -5.3 ต่อปี โดยอุตสาหกรรมที่หดตัวลดลงที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมวิทยุโทรทัศน์ ฮาร์ดิสก์ไดรฟ์ เฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับ เป็นสำคัญ สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2558 อยู่ที่ระดับ 86.2 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 7 เดือน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 จากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย และปัญหาภัยแล้ง ซึ่งส่งผลต่อ การบริโภคและการใช้จ่ายโดยเฉพาะภาคเกษตร

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานในเดือนเมษายน 2558 อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.9 ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 3.24 แสนคน ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนเมษายน 2558 หดตัวตามการลดลงของราคาน้ำมันดิบโลกเป็นสำคัญมาอยู่ที่ร้อยละ -1.0 ต่อปี ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ร้อยละ 1.0 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศอยู่ในระดับที่มั่นคงโดยทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงที่ 161.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นประมาณ 2.9 เท่าสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้

รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนเมษายน 2558

“เศรษฐกิจไทยล่าสุดในเดือนเมษายน 2558 พบว่า การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ในภาพรวม สะท้อนจากยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังคงชะลอตัวอยู่บ้าง สำหรับภาคการส่งออกสินค้ามีการหดตัวเล็กน้อย ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในด้านอุปทานได้รับแรงสนับสนุนสำคัญจากการขยายตัวในภาคการท่องเที่ยว แม้ว่าผลผลิตภาคการเกษตรกรรมยังคงหดตัวต่อเนื่อง ในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยทั้งภายในและภายนอกประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี”

1. การบริโภคภาคเอกชนในเดือนเมษายน 2558 ขยายตัวได้ในภาพรวม สะท้อนจากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บบนฐานการบริโภคภายในประเทศ ณ ราคาคงที่ในเดือนเมษายน 2558 ขยายตัวต่อเนื่องที่ ร้อยละ 12.8 ต่อปี ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บบนฐานการนำเข้า ณ ราคาคงที่ ยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -10.9 ต่อปี เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลง ซึ่งส่งผลให้ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ในภาพรวมในเดือนเมษายน 2558 ขยายตัวร้อยละ 2.5 ต่อปี สำหรับปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือนเมษายน 2558 หดตัวเป็นเดือนแรกหลังจากที่ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกัน โดยหดตัวร้อยละ -18.4 ต่อปี โดยเป็นการหดตัวของยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และเขตภูมิภาค ขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือนเมษายน 2558 ยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -24.7 ต่อปี สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนเมษายน 2558 อยู่ที่ระดับ 66.0 และถือเป็นการปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 10 เดือน จากความกังวลเกี่ยวกับการปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย รวมทั้งกำลังซื้อที่ลดลงจากราคาพืชผลทางการเกษตรที่อยู่ในระดับต่ำทำให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย นอกจากนี้ ปริมาณการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคในเดือนเมษายน 2558 พบว่า ขยายตัวได้ ร้อยละ 1.0 ต่อปี

2. การลงทุนภาคเอกชนในเดือนเมษายน 2558 ส่งสัญญาณชะลอตัว โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ในเดือนเมษายน 2558 หดตัวที่ร้อยละ -3.3 ต่อปี ขณะที่ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือนเมษายน 2558 หดตัวร้อยละ -4.3 ต่อปี ตามการลดลงของราคาวัสดุก่อสร้างใน หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เป็นสำคัญ เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานและวัตถุดิบลดลง ประกอบกับราคาเหล็กในตลาดโลกยังคงปรับตัวลดลงสำหรับภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเดือนเมษายน 2558 ขยายตัวร้อยละ 9.4 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 5.3 ต่อเดือน ในขณะที่การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนเมษายน 2558 ยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -27.3 ต่อปี สำหรับปริมาณนำเข้าสินค้าทุนในเดือนเมษายน 2558 กลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 5.5 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า สามารถขยายตัวได้ร้อยละ 10.6 ต่อเดือน อย่างไรก็ตาม เมื่อหักสินค้าพิเศษเครื่องบินเรือและรถไฟพบว่าหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -3.7 ต่อปี แต่เมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า สามารถขยายตัวได้ร้อยละ 2.4 ต่อเดือน

3. เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจไทยด้านการคลังในเดือนเมษายน 2558 สะท้อนบทบาทนโยบายการคลังในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทยผ่านการขาดดุลงบประมาณ พบว่าดุลงบประมาณในเดือนเมษายน 2558 ขาดดุลจำนวน -45.0 พันล้านบาท ทั้งนี้ ในการเบิกจ่ายงบประมาณ รัฐบาลสามารถเบิกจ่ายงบประมาณรวมได้จำนวน 191.5 พันล้านบาท หดตัวร้อยละ -2.2 ต่อปี โดยรายจ่ายงบประมาณประจำปีปัจจุบันสามารถเบิกจ่ายได้จำนวน 178.9 พันล้านบาท หดตัวร้อยละ -0.5 ต่อปี แบ่งออกเป็น (1) รายจ่ายประจำ 156.1 พันล้านบาท หดตัวร้อยละ -0.5 ต่อปี และ (2) รายจ่ายลงทุน 22.8 พันล้านบาท หดตัวร้อยละ -0.5 ต่อปี สำหรับการจัดเก็บรายได้รัฐบาลพบว่า รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักการจัดสรรให้ อปท.) ได้จำนวน 168.0 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 23.2 ต่อปี โดยมีรายการที่สำคัญ คือ (1) ภาษีฐานบริโภค (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 ต่อปี เนื่องจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานการบริโภคภายในประเทศได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 ต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการบริโภคในประเทศที่ยังคงเติบโตได้ดี ขณะที่การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานการนำเข้าลดลงร้อยละ -12.0 ต่อปี สะท้อนการนำเข้าที่ยังคงชะลอตัว และ (2) การจัดเก็บภาษีฐานรายได้ขยายตัวร้อยละ 11.1 ต่อปี โดยการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 และ 10.9 ต่อปี ตามลำดับ

4. การส่งออกสินค้าในเดือนเมษายน 2558 มีการหดตัวเล็กน้อย โดยการส่งออกสินค้าในเดือนเมษายน 2558 มีมูลค่า 16.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวชะลอลงอยู่ที่ร้อยละ -1.7 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า สามารถขยายตัวได้ร้อยละ 2.8 ต่อเดือนโดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้ามาจากภาพรวมของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าหลักของไทยในปัจจุบันที่ชะลอตัวลง ส่งผลต่อกำลังซื้อในตลาดโลก ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าที่หดตัวในเดือนเมษายน 2558 มาจากการส่งออกสินค้าในหมวดอุตสาหกรรมเกษตรที่ยังคงหดตัวต่อเนื่องตามทิศทางของราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยหดตัวที่ร้อยละ -0.3 ต่อปี และเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่หดตัวร้อยละ -1.5 ต่อปี ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ยังมีสินค้าที่ยังขยายตัวได้ดี ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์และยานพาหนะ ที่ขยายตัวได้ร้อยละ 7.0 และ 7.3 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับตลาดส่งออกที่หดตัวลดลงในเดือนเมษายน 2558 ได้แก่ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป อาเซียน-9 และอาเซียน-5 หดตัวร้อยละ -3.0 -3.5 -6.1 และ -11.6 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่ตลาดส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย และเวียดนาม ที่ขยายตัวร้อยละ 8.4 26.7 และ 12.8 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับมูลค่าการนำเข้าสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่า 17.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ -6.8 ต่อปี ทั้งนี้ มูลค่าส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐที่มีมูลค่าต่ำกว่าการนำเข้าสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศในเดือนเมษายน 2558 ขาดดุล 0.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

          5. เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทานพบว่า ภาคการท่องเที่ยวต่างชาติที่สามารถขยายตัวในระดับสูง เป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยโดยในเดือนเมษายน 2558 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในไทย (เบื้องต้น) 2.4 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 25.1 ต่อปี โดยนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีในระดับสูงมาจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางระยะใกล้จากจีนและมาเลเซีย เป็นหลัก และเบื้องต้นในช่วง 12 วันแรกของเดือนพฤษภาคม 2558 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8.6 แสนคน ขยายตัวต่อเนื่องอยู่ที่ร้อยละ 22.9 ต่อปี สะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่งของภาคการท่องเที่ยวต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ภาคเกษตรกรรมสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมในเดือนเมษายน 2558 หดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -13.3 ต่อปี ตามการหดตัวของผลผลิตข้าวเปลือก ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นสำคัญ โดยเฉพาะผลผลิตข้าวเปลือกที่หดตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี จากสถานการณ์   ภัยแล้งและปริมาณน้ำในเขื่อนที่อยู่ในระดับต่ำจนต้องระงับการส่งน้ำชลประทานเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปรัง  ในขณะที่ผลผลิตในหมวดปศุสัตว์ และหมวดประมงยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้ในเดือนเมษายน 2558 ยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกันที่ร้อยละ -7.5 ต่อปี ตามราคายางพาราจากเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว และราคาในหมวดปศุสัตว์ และหมวดประมงที่หดตัวร้อยละ -9.4 และ -24.6 ต่อปี ตามลำดับ เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับดัชนีผลผลิตอุตสากรรมในเดือนเมษายน 2558 หดตัวร้อยละ    -5.3 ต่อปี โดยอุตสาหกรรมที่หดตัวลดลงที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมวิทยุโทรทัศน์ ฮาร์ดิสก์ไดรฟ์ เฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับ เป็นสำคัญ สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2558 อยู่ที่ระดับ 86.2ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 7 เดือน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 จากความกังวลเกี่ยวกับ    การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย และปัญหาภัยแล้ง ส่งผลต่อการบริโภคและการใช้จ่ายโดยเฉพาะภาคเกษตร ประกอบกับในเดือนเมษายน 2558 มีวันหยุดต่อเนื่องจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการจัดส่งสินค้าและ ระบบโลจิสติกส์

6. ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพเศรษฐกิจต่างประเทศอยู่ในระดับมั่นคง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนเมษายน 2558 หดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -1.0 ต่อปี เนื่องมาจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นหลักรวมถึงการลดลงของราคาไข่และผลิตภัณฑ์นมและราคาเนื้อสัตว์ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.0 ต่อปี สำหรับอัตราการว่างงานในเดือนเมษายน 2558 อยู่ที่ร้อยละ 0.9 ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 3.24 แสนคน ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ล่าสุด ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 อยู่ที่ระดับร้อยละ 43.3 ต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 60.0 สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศยังอยู่ในระดับมั่นคงและสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนได้จากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2558 ที่ยังอยู่ในระดับสูงที่ 161.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นประมาณ 2.9 เท่า

ที่มา : กระทรวงการคลัง

ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ