พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีเด็กชาย วัย ๑๑ ปี ยอดกตัญญู ครอบครัวมีฐานะยากจน เดินเท้าจากบ้าน ไปดูแลยายอายุ๕๓ ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคไตวาย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ระยะทางไป-กลับ กว่า ๓๐ กม.และขณะครูไปเยี่ยมบ้าน ยายได้เสียชีวิตกะทันหัน ที่จังหวัดสุโขทัย ตนรู้สึกชื่นชมในความเป็นเด็กกตัญญูและได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุโขทัย (พมจ.สุโขทัย)ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือตามภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ในเบื้องต้น พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลด้านการศึกษาของเด็กอย่างต่อเนื่องและปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้ถูกสุขลักษณะ และกรณีชายชรา อายุ ๖๔ ปี มีฐานะยากจน ป่วยเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง แผลลุกลามไปทั้งตัว ตาบอด และเป็นโรคซึมเศร้า ใช้ชีวิตลำพังในบ้านสภาพเก่าทรุดโทรม อาศัยข้าวจากเพื่อนบ้านประทังชีวิตที่จังหวัดลำพูน ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน (พมจ.ลำพูน)ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือตามภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลด้านการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุและคนพิการต่อไป
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีชาย อายุ ๓๘ ปี อาชีพรับเหมาก่อสร้าง ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา หญิงสาว อายุ ๒๑ ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคโปลิโอตั้งแต่กำเนิด ที่จังหวัดระยองนั้น ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระยอง (พมจ.ระยอง)ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือตามภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ในเบื้องต้น พร้อมทั้งเร่งเยียวยาสภาพจิตใจผู้เสียหายอย่างใกล้ชิด ส่วนกรณีมีพลเมืองดีขอความช่วยเหลือเด็กชายอายุประมาณ ๓ ขวบ ถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกาย ซึ่งเหตุเกิดบริเวณการเคหะบางบอน กรุงเทพฯนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.๒๕๔๖ จากศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC ๑๓๐๐ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า พ่อเลี้ยงได้ทำร้ายร่างกายเด็ก ซึ่งแม่ของเด็กอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ไม่สามารถช่วยเหลือเด็กได้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก โดยได้แจ้งความลงบันทึกประจำวัน และนำเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้เด็กอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เรียบร้อยแล้ว
"สำหรับกรณีพายุฤดูร้อน พัดโหมกระหน่ำอย่างหนัก ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรกว่าพันหลังใน ๙ อำเภอ ที่จังหวัดมหาสารคาม ได้รับความเสียหาย รวมทั้งข้าวเปลือกที่เก็บไว้ในยุ้งฉาง ที่ถูกพายุพัดหลังคาก็เปียกฝนได้รับความเสียหายด้วย ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมหาสารคาม (พมจ.มหาสารคาม)ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและเร่งให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ต่อไป”พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th