พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีพ่อ อายุ ๕๑ ปี พาลูกสาว อายุ ๑๖ ปี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าถูกเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใกล้บ้าน และพระลูกวัดอีก ๑ รูป ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา และขู่ห้ามบอกใคร จะฆ่าปิดปาก ที่จังหวัดนครสวรรค์ ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครสวรรค์ (พมจ.นครสวรรค์) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมเร่งเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจของเด็กสาวและครอบครัวโดยด่วน และกรณีพบทารกเพศชาย อายุไม่เกิน ๑ สัปดาห์ ถูกนำมาทิ้งไว้ที่โต๊ะหินอ่อนกลางหมู่บ้าน ทราบภายหลังว่าแม่เด็กเป็นหญิงชาวพม่า อายุ ๒๗ ปี สารภาพว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงดู ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ (พมจ.เชียงใหม่) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ ต่อไป
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้หน่วยงานในพื้นที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้รับชาวโรฮีนจาเข้าไว้ในความคุ้มครองดูแล จำนวนทั้งสิ้น ๓๓๓ คน แบ่งเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จำนวน ๑๙๔ ราย และเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน ๑๓๙ ราย ซึ่งชาวโรฮีนจาทั้งหมดอยู่ในความคุ้มครองดูแลของสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ และบ้านพักเด็กและครอบครัว ทั้งนี้เพื่อให้การคุ้มครองดูแลชาวโรฮีนจาเป็นไปตามหลักมนุษยธรรมตามนโยบายของรัฐบาล โดยในวันพรุ่งนี้ (๑๐ มิ.ย.๕๘) ตนพร้อมปลัดกระทรวงฯ และคณะจะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดูแลชาวโรฮีนจา ที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์) จังหวัดสุราษฎรธานี เพื่อมอบนโยบายในการดูแลชาวโรฮีนจาและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ได้ประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข จัดเตรียมทีมแพทย์และพยาบาลลงพื้นที่ตรวจสุขภาพชาวโรฮีนจา เพื่อเป็นการป้องกัน รักษา และฟื้นฟูร่างกายให้ชาวโรฮีนจามีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีระหว่างอยู่ในการคุ้มครองดูแลของกระทรวงฯ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th