พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การช่วยเหลือชาวโรฮีนจาจำนวนมากในหลายพื้นที่ของภาคใต้ ซึ่งขณะนี้มีชาวโรฮีนจาอยู่ในความคุ้มครองดูแลของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้แก่ สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ บ้านพักเด็กและครอบครัว และสถานคุ้มครองสวัสดิภาพฯ จำนวนทั้งสิ้น ๓๓๓ คน แบ่งเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จำนวน ๑๙๔ คน และเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน ๑๓๙ คน ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ดำเนินการช่วยเหลือชาวโรฮีนจาดังกล่าว ดังนี้ ๑)ดำเนินการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ทุกรายและทุกกรณี ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ๒)กรณีคัดแยกเป็นผู้เสียหายฯ ได้จัดหาสถานที่รองรับของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ๓)กรณีเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ให้การดูแลกลุ่มเด็ก และผู้หญิงตามหลักมนุษยธรรม โดยสำนักงานตรวจ คนเข้าเมือง (สตม.)ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ดูแลชั่วคราวตามหลักมนุษยธรรม และ ๔)จัดบริการด้านปัจจัยสี่ ดูแลสุขภาพร่างกาย จิตใจ ด้านสังคม จัดกิจกรรมอาชีวบำบัด นันทนาการ และจัดหาล่ามแปลภาษา
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้การคุ้มครองดูแลชาวโรฮีนจาเป็นไปตามหลักมนุษยธรรม ตามนโยบายของรัฐบาล ตนพร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จึงลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดูแล ชาวโรฮีนจา ที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ (บ้านศรีสุราษฎร์)จังหวัดสุราษฎรธานี เพื่อมอบนโยบายในการดูแลชาวโรฮีนจาและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นอกจากนี้ ตนยังให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพของชาวโรฮีนจา ที่อยู่ในความดูแลของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ หากสุขภาพร่างกายแข็งแรง สุขภาพจิตดี จะเป็นพื้นฐานในการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข ซึ่งจะทำให้ลดปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา โดยได้ประสานกับทีมแพทย์และพยาบาลในพื้นที่ มาตรวจสุขภาพชาวโรฮีนจา เพื่อเป็นการป้องกันโรคติดต่อ และรักษาพยาบาลผู้ที่เจ็บป่วย รวมทั้งฟื้นฟูร่างกายให้ชาวโรฮีนจามีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีระหว่างอยู่ในการคุ้มครองดูแลของกระทรวงฯ
"จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับรายงานว่าสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (บ้านศรีสุราษฎร์)มีชาวโรฮีนจาที่อยู่ในความดูแลคุ้มครองจำนวนทั้งสิ้น ๙๔ คน แบ่งเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จำนวน ๔๑ คน และเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน ๕๓ คน โดยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติด้านต่างๆ เช่น การสื่อสารด้านภาษา สุขภาพ สุขอนามัยโรคติดต่อ เป็นต้น ซึ่งตนได้รับฟังปัญหาต่างๆ และพร้อมดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วนต่อไป”พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th