ภายหลังการหารือ พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับนายชิโระ ซะโดะชิมะ และกล่าวถึงความสำคัญของทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยที่ไทยและญี่ปุ่นเป็นมหามิตรมายาวนาน และในปี 2560 ความสัมพันธ์ทางการทูตไทยกับญี่ปุ่นจะครบรอบ 130 ปี โดยขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลยินดีทำงานร่วมกับญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด ซึ่งในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นเห็นว่าไทย เป็นประเทศที่สำคัญต่อการพัฒนาของญี่ปุ่นเช่นกัน เนื่องจากเป็นฐานการผลิตของญี่ปุ่นและร้อยละ 60 ของการลงทุนโดยตรงอยู่ที่ประเทศไทย นอกจากนี้ ได้แสดงความพร้อมที่จะต้อนรับนายกรัฐมนตรีในการเข้าร่วมประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 7 ณ ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงต้นเดือน ก.ค. ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือในภูมิภาคนี้กับญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์โตเกียว 2015
ระหว่างการสนทนา ได้มีการหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าความร่วมมือระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในประเด็นต่างๆ ดังนี้
ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ล่าสุดมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOC) ว่าด้วยความร่วมมือระบบราง และโครงการเงินกู้รถไฟสายสีแดง โดยเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นย้ำว่า นายกรัฐมนตรีอาเบะ ได้ประกาศให้ไทยเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน และญี่ปุ่นต้องการส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพสูงให้แก่ประเทศไทย
โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจทวาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานระดับเจ้าหน้าที่ เพื่อยกร่างบันทึกแสดงเจตจำนง (MOI) เพื่อให้ฝ่ายไทยและเมียนมาร์พิจารณา สำหรับลงนามต่อไป โดยญี่ปุ่นกำลังจะส่งผู้เชี่ยวชาญมาศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างถนนจากชายแดนไทยไปทวาย
ความร่วมมือด้านสินค้าเกษตร นายกรัฐมนตรีได้แก้ไขปัญหาเรื่องการนำเข้าอาหารบางชนิดจากญี่ปุ่นตามที่ได้รับการร้องขอ ในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาเพื่อตอบรับความประสงค์ของนายกรัฐมนตรีในการผลักดันสินค้าเกษตรของไทย โดยเฉพาะเรื่องข้าว ยางพารา การเพิ่มโควตาการนำเข้าเนื้อหมู มะม่วงและน้ำตาล
โดยในเรื่องนี้ กระทรวงพาณิชย์ญี่ปุ่น คณะอุตสาหกรรมด้านการแปรรูปอาหาร และ JETRO จะเดินทางมาประเทศไทยศึกษาความเป็นไปได้และจัดทำการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) ในช่วงสัปดาห์หน้า ในขณะเดียวกันจะมีการจัดการประชุมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อพิจารณาสินค้าไทยภายใต้กรอบ JTEPA ในวันที่ 26 มิ.ย. 2558 และมีแผนที่จะจัดตั้งกรอบการเจรจาภายใต้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของทั้งสองประเทศ ในระยะเวลาอันใกล้นี้ด้วย
ในตอนท้าย ญี่ปุ่น ได้กล่าวชื่นชมไทยที่มีบทบาทนำในการแก้ไขปัญหาการโยกย้านถิ่นฐานแบบไม่ปกติทางทะเล ซึ่งเป็นปัญหาด้านมนุษยธรรมที่เกี่ยวข้องกับหลายประเทศ ทั้งนี้ ญี่ปุ่นพร้อมร่วมมือและสนับสนุนไทยในการแก้ไขปัญหานี้ต่อไปด้วย
วิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th