นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า อนุสัญญาเกียวโต (ฉบับแก้ไข) เป็นแนวทางปรับปรุงพิธีการศุลกากรที่องค์การศุลกากรโลกออกแบบมาเพื่อให้ประเทศสมาชิกใช้ให้เป็นมาตรฐานสากล เรียบง่าย และสอดคล้องกันระหว่างประเทศที่เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ปัจจุบันมีภาคี สมาชิก 99 ประเทศ ซึ่งประเทศในอาเซียนที่เข้าเป็นภาคีแล้วได้แก่ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา และประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกลำดับที่ 100
นอกจากนี้ การเข้าเป็นภาคีและนำแนวปฏิบัติตามอนุสัญญาเกียวโต (ฉบับแก้ไข) มาปรับปรุงพิธีการศุลกากร ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการทางศุลกากรและอำนวยความสะดวกทาง การค้าให้ผู้ประกอบการรวมถึงคู่ค้าของไทยให้เทียบเท่ากับมาตรฐานสากลมากขึ้น อันจะส่งผลในการ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจ ของไทย ทั้งนี้ กรมศุลกากร ได้ดำเนินการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของอนุสัญญาฯ อาทิ การให้คำวินิจฉัยล่วงหน้าของศุลกากร (Advance Ruling) มีผลผูกพันทางกฎหมายใน 3 ด้าน คือ พิกัดศุลกากร ราคา และถิ่นกำเนิดของสินค้าก่อนการนำเข้าเพื่อสร้างความเป็นธรรม เพิ่มขีดความสามารถในการทำธุรกิจของผู้ประกอบการ และขจัดข้อโต้แย้งระหว่างผู้นำเข้าและเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่นๆ อีก อาทิ การเพิ่มบทนิยามคำว่า “การผ่านแดน” และ “การถ่ายลำ” ไว้อย่างชัดเจน ตลอดจนมีการกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการให้การนำข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ใน การศุลกากรมีผลโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่นเดียวกับการดำเนินการทางศุลกากรโดยเอกสาร เป็นต้น ซึ่งหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่ปรับปรุงใหม่เหล่านี้ จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก และยกระดับการดำเนินงานด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยให้มีมาตรฐานที่เป็น สากลมากยิ่งขึ้น
ที่มา : กระทรวงการคลัง
ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th