ทั้งสองฝ่ายได้หารือ ถึงแนวทางการขยายความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี ซึ่งประเทศฝรั่งเศสถือเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและมีความร่วมมือในหลายมิติกับประเทศไทย อาทิ ด้านการค้าและการลงทุน การศึกษา ตลอดจนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย กล่าวขอบคุณรองนายกรัฐมนตรี สำหรับโอกาสในการเข้าเยี่ยมคารวะ นอกจากนี้ยังกล่าวว่า ฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับประเทศในฐานะประเทศคู่ภาคีที่สำคัญในภูมิภาค โดยในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันหลายประเด็น ดังนี้
ด้านการศึกษา เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส กล่าวว่า ในปัจจุบันความร่วมมือระหว่างไทยและฝรั่งเศสมีหลายรูปแบบ อาทิ การตั้งศูนย์ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา การแลกเปลี่ยนความรู้สังคมศาสตร์ โดยเฉพาะการเรียนการสอนภาษาฝรั่งเศส ซึ่งฝรั่งเศสยินดีที่เห็นความร่วมมือในด้านนี้ อีกทั้งยังเป็นการสะท้อนความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของทั้งสองประเทศด้วย นอกจากนี้ ฝรั่งเศสมีความตั้งใจที่จะขยายกรอบความร่วมมือในด้านการศึกษาผ่านการเพิ่มการฝึกอบรมครู อาจารย์ ตลอดจนวิธีการสอนภาษาฝรั่งเศสโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อรักษาและยกระดับความสัมพันธ์ด้านนี้ให้มากยิ่งขึ้น
ด้านวิทยาศาสตร์ ฝรั่งเศสและไทยมีความร่วมมือในด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้านการเกษตร นอกจากนั้นฝรั่งเศสมีความแน่วแน่ที่จะเพิ่มการแลกเปลี่ยนการฝึกอบรม การศึกษาขั้นสูงในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ โดยปัจจุบันฝรั่งเศสได้เปิดรับนักศึกษาต่างชาติเข้าศึกษาในฝรั่งเศสเป็นจำนวนมาก รวมถึงได้เปิดโอกาสให้นักศึกษาไทยเข้าศึกษาต่อในประเทศฝรั่งเศสด้วย
ด้านยา เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส แสดงความห่วงกังวลต่อร่างพระราชบัญญัติยาฉบับใหม่ ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี แสดงความขอบคุณที่ฝรั่งเศสแสดงความห่วงกังวลในเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งได้ชี้แจงถึงความสำคัญของร่างพระราชบัญญัติยาฉบับใหม่ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อรับรองการจำหน่ายยาในอนาคต ที่จะต้องคำนึงถึงความมีประสิทธิภาพและความปลอดภัย ส่วนเรื่องราคาของยาที่อาจปรับตัวสูงขึ้นนั้น ทางกระทรวงพาณิชย์ของไทยได้มีการกำกับดูแลและควบคุมอย่างใกล้ชิด
ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change หรือ UNFCC) สมัยที่ 21 (COP21) โดยฝรั่งเศสจะเป็นเจ้าภาพการประชุมในปีนี้ ทั้งนี้ ฝรั่งเศสได้สอบถามถึงความเป็นไปได้ที่ไทยจะเข้าร่วม Intended Nationally Determined Contributions หรือ INDC ก่อนการประชุม COP ครั้งที่ 21 ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยยินดีและพร้อมที่จะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว นอกจากนี้ ไทยได้แจ้งเจตจำนงการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกโดยความสมัครใจ (Thailand’s Nationally Appropriate Mitigation Actions – NAMAs) และกำลังดำเนินการตามกรอบที่ที่ประชุมได้กำหนด ทั้งนี้ รองนายกรัฐฒนตรีมีความเชื่อมั่นว่าฝรั่งเศสจะประสบความสำเร็จในการจัดการประชุมอย่างราบรื่นด้วยดี
ที่มา: http://www.thaigov.go.th