ทูตเยอรมันย้ำความสัมพันธ์ไทยและเยอรมันในฐานะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์

ข่าวทั่วไป Monday June 29, 2015 17:33 —สำนักโฆษก

นายรอล์ฟ เพเทอร์ กอทท์ฟรีด ชุลเซอ (H.E. Mr. Rolf Peter) เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่

วันนี้ (29 มิ.ย. 2558) เวลา 11.00 น.นายรอล์ฟ เพเทอร์ กอทท์ฟรีด ชุลเซอ (H.E. Mr. Rolf Peter) เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญการสนทนาดังนี้

เอกอัครราชทูตเยอรมนีแสดงความขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีที่ให้เข้าพบเพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากตำแหน่ง และกล่าวว่าตนมีได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นตลอดระยะเวลาที่ทำงานในประเทศไทย ซึ่งมีความประทับใจต่อประเทศไทยตลอดเวลากว่าสี่ปีที่ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตเยอรมันนีประจำประเทศไทย

ทั้งนี้เอกอัครราชทูตได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ที่ราบรื่นระหว่างทั้งสองประเทศมาโดยตลอด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเยอรมันให้ความสำคัญกับประเทศไทยในภูมิภาคนี้อย่างยิ่งเอกอัครราชทูตหวังว่าระหว่างไทยและเยอรมันจะมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต

รองนายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยสำหรับความร่วมมือที่ได้มีการริเริ่มและสานต่อตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าเอกอัครราชทูตเยอรมันคนใหม่ที่มีกำหนดจะเข้าดำรงตำแหน่งในต้นเดือนสิงหาคมจะสามารถร่วมมือกับประเทศไทยในระดับเดียวกับเอกอัครราชทูตคนปัจจุบันได้ ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศผู้ใช้เงินยูโรโดยเฉพาะประเทศกรีซ พร้อมทั้งได้สอบถามถึงสถานการณ์และหนทางไขแก้วิกฤตดังกล่าวซึ่งอาจจะมีผลตลาดการเงินและตลาดหุ้นของไทยโดย

เอกอัครราชทูตเยอรมันได้ยืนยันอย่างแข็งขันว่าสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศใช้เงินยูโรได้เตรียมพร้อมมาตรการทางการเงินไว้เรียบร้อยแล้วในกรณีเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อวิกฤตความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปและค่าเงินของเงินสกุลยุโรที่อาจจะเกิดภาวะปรับตัวที่ยากต่อการคาดเดา ซึ่งสมาชิกทุกประเทศของสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศใช้เงินยูโรพร้อมจะเป็นหลักประกันความเชื่อมั่นทางด้านการเงินของสหภาพยุโรป

เอกอัครราชทูตกล่าวว่าประเทศเป็นศูนย์กลางการผลิตผลิตภัณฑ์หลายชนิดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งมีหลายบริษัทของมาลงทุนในประเทศไทยอาทิ BMW BENZ Daimler เป็นต้น บริษัทเยอรมันและไทยได้มีความร่วมมือในด้านอาชีวศึกษาซึ่งเยอรมันได้ให้ความช่วยเหลือตลอดมา ทั้งนี้ประเทศไทยในฐานะเป็นศูนย์กลาง (Hub) ซึ่งการคมนาคมรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญในการดึงศักยภาพการแข่งขันของไทยออกมาเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นบริษัทเยอรมันมีความตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและขนส่งของไทยตามแผนยุทธศาสตร์ปี (2558-2564) อย่างยิ่งยวด

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณกรณีที่ องค์กรความร่วมมือด้านการบินในกลุ่มสหภาพยุโรป (European Aviation Safety Agency : EASA) เข้าใจถึงสถานการณ์การบินของไทย

สุดท้ายนี้ เอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทยได้เน้นย้ำถึงความเป็นหุ้นส่วนยุทธ์ศาสตร์ระหว่างไทยและเยอรมัน โดยเชื่อมั่นว่าเอกอัครราชทูตคนใหม่จะทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมและเป็นไปในทิศทางเดียวกับปัจจุบันอย่างแน่นอน

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ