นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีและกล่าวว่ารู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้การต้อนรับลูกหลานเยาวชนไทย และผู้ปกครองในโครงการเยาวชนไทยในออสเตรเลียเยือนแผ่นดินแม่ ครั้งที่ ๕ และปลาบปลื้มใจที่ได้เห็นเยาวชนไทยทั้งหลายมีความสำนึกรักในแผ่นดินเกิดในใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของคนไทยทั้งชาติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความตั้งใจจริงที่จะสร้างความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนให้กับประชาชนและประเทศชาติ จึงได้ทำงานด้วยหัวใจที่ทุ่มเทในการปฏิรูปประเทศไทยของเราให้มีความเจริญรุดหน้า โดยให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์สังคมที่ดีมีคุณภาพและมุ่งมั่นพัฒนาให้เด็กและเยาวชนไทยเป็นคนดีและคนเก่งของสังคม มีคุณธรรมและจริยธรรม จึงได้กำหนดค่านิยม ๑๒ ประการ เพื่อปลูกฝังและสร้างความตระหนักรู้ ในคุณค่าความเป็นไทย ด้วยการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนและคนในชาติมีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความซื่อสัตย์ เสียสละ กตัญญูรู้คุณ รู้รักษาศิลปวัฒนธรรม ใฝ่เรียนรู้ มีวินัย และยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ในการดำเนินชีวิต นอกจากนี้ ยังได้กำหนดคำขวัญวันเด็กแห่งชาติปีนี้ คือ“ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต” เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทยได้สำนึกรู้คุณค่าของตนเองว่าจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในวันหน้า
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่าเยาวชนไทยและคนไทยในต่างประเทศทุกคน ถือเป็นตัวแทนของความเป็นไทยให้กับประเทศ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกๆ คนตระหนักถึงการแสดงออกในด้านการนำคุณค่าของขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ และนำอัตลักษณ์ของความเป็นไทยไปสื่อสาร เพื่อแสดงออกให้ชาวต่างชาติได้ประจักษ์ สร้างความชื่นชมและการยอมรับในความเป็นไทย และสิ่งที่ทุกคนจะลืมไม่ได้ คือ วัฒนธรรมไทย ขอให้ทุกคนมีความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์และความเป็นไทยด้วย
นายกรัฐมนตรี แสดงความชื่นชมโรงเรียนภาษาไทยวัดพุทธรังษีที่ได้ร่วมมือกับสถานกงสุลใหญ่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่จัดโครงการที่เป็นประโยชน์นี้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีส่วนสำคัญในการช่วยปลูกฝังอบรมวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะภาษาไทยที่เป็นภาษาประจำชาติไทยให้กับลูกหลานเยาวชนของเรา และยังเพิ่มศักยภาพการเรียนการสอนร่วมกับครูอาสาสมัครจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ควบคู่กับการสอนนาฏศิลป์ไทยมาตลอด ๒๓ ปี นายกรัฐมนตรีจึงกล่าวขอบคุณความตั้งใจและความเสียสละของผู้บริหารและครูอาสาสมัครทุกคนที่มาร่วมกันทำงานนี้อย่างเข้มแข็ง เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกความเป็นไทยให้กับลูกหลานของเราที่เกิดและเติบโตในประเทศออสเตรเลีย
นายกรัฐมนตรี ยังยินดีที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการนี้ เพราะเป็นโอกาสที่ดีของเยาวชนไทยที่ศึกษาเรียนรู้ในประเทศออสเตรเลีย จะได้มีประสบการณ์และการเรียนรู้ในประเทศไทย และความเป็นอยู่ของวิถีชีวิตท้องถิ่นของไทยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงขอทุกคนตั้งใจเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ซึ่งจะเป็นแนวทางในอนาคตที่วันหนึ่งน้องๆ เยาวชนอาจจะกลับบ้านเกิด และจะได้ช่วยกันคิด ช่วยกันทำประโยชน์ให้กับประเทศไทยของเรา และแม้ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ก็สามารถทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทยผ่านทางช่องทางต่างๆ ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย นางจูลี่ บิชอบ ได้มาเยือนประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลได้ร่วมพูดคุยถึงความร่วมมือในบริบทต่างๆ ระหว่างประเทศไทยและประเทศออสเตรเลีย โดยประเทศออสเตรเลียเข้าใจในสถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้ และได้ยืนยันที่จะสนับสนุนการปฏิรูปประชาธิปไตยของประเทศไทยให้บังเกิดความสำเร็จโดยเร็ว รวมทั้งจะมีการสนับสนุนนักเรียนนักศึกษาของประเทศออสเตรเลียมาศึกษา ฝึกอบรมในประเทศไทยด้วย ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยและประเทศออสเตรเลียมีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งด้านการค้า การลงทุน และความร่วมมือทำความตกลงเขตการค้าเสรี
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝากข้อคิดว่าเยาวชนทุกคน ล้วนแล้วแต่เป็นทรัพยากรมนุษยที่มีคุณค่า และเป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างสรรค์และพัฒนาความเจริญก้าวหน้าให้แก่ประเทศในอนาคต จึงขอให้เยาวชนไทย ได้หมั่นศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา เพื่อจะได้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ มีอนาคตที่สดใส เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรู้คู่คุณธรรม และจะสามารถสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประเทศชาติต่อไป
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลอีกทั้งพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้น้องๆ เยาวชน ผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ทุกท่าน พร้อมทั้งครอบครัวจงประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีกำลังกาย กำลังใจที่เข้มแข็ง และร่วมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติให้มีความเจริญมั่นคงสืบไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th