ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ในครั้งนี้มีประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้งจำนวน 50 ประเทศได้ลงนาม ในความตกลงฯ ดังกล่าว มีสมาชิกผู้ก่อตั้งบางประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งยังไม่สามารถลงนามได้ เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างดำเนินการขอความเห็นชอบตามกระบวนการภายในของแต่ละประเทศ โดยในกรณี ของประเทศไทย ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติก่อน เนื่องจาก AIIB จะมีสถานะเป็นองค์กรระหว่างประเทศ จำเป็นจะต้องออกกฎหมายเพื่อรองรับ ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังดำเนินการเสนอเรื่องไปยังคณะรัฐมนตรี และคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1-2 เดือนในการดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวให้แล้วเสร็จ ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกที่ยังไม่สามารถลงนามได้ ยังสามารถลงนามในความตกลงฯ ดังกล่าวได้จนถึงสิ้นปี 2558 นี้ เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินการได้ในช่วงต้นปี 2559 เป็นต้นไป
การจัดตั้ง AIIB มีวัตถุประสงค์หลักในการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในภูมิภาคเอเชียในด้านต่าง ๆ อาทิ โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน คมนาคม และสื่อสารโทรคมนาคม เป็นต้น AIIB จึงเป็นแหล่งเงินทุนอีกทางเลือกหนึ่งของไทยและประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนที่ยังมีความต้องการเงินลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสูงมาก ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลไทยในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ และภายในภูมิภาค โดยเฉพาะความเชื่อมโยงกับสาธารณรัฐประชาชนจีนและอาเซียน ซึ่งเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทยและมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การพัฒนาความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานและประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ภายในภูมิภาคจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
สำนักนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3326
ที่มา : กระทรวงการคลัง
ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th