นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินและกระทรวงศึกษาธิการได้ร่วมกันออกมาตรการช่วยเหลือข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นลูกค้าของธนาคารออมสินที่ประสบปัญหาต่างๆ จนมีผลต่อการดำรงชีวิต และกระทบต่อการชำระเงินกู้ให้แก่ธนาคารฯ สามารถเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่ลดภาระการชำระหนี้ มีหนี้ค้างชำระ จนถึงขั้นถูกฟ้องร้องดำเนินคดี โดยจะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านต้นสังกัดเพื่อรับรองได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 นี้เท่านั้น
สำหรับมาตรการช่วยเหลือที่ออกมานี้ ธนาคารออมสินได้แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่อยู่ในขั้นวิกฤต ได้แก่ ลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการถูกฟ้อง ถูกดำเนินคดี หรือถูกบังคับคดี ขาดความสามารถในการชำระหนี้จากสาเหตุที่จำเป็น หรือเป็นลูกหนี้ที่มีทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้สิน โดยธนาคารฯ จะชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดีหรือบังคับคดีไม่เกิน 3 ปี (มีระยะเวลาฟ้องคดีเหลือไม่น้อยน้อยกว่า 2 ปี) พักชำระดอกเบี้ยไม่เกิน 3 ปี แต่ให้ชำระหนี้เงินต้น เมื่อครบ 3 ปีให้นำดอกเบี้ยที่พักไว้เฉลี่ยจ่ายคืนรวมกับเงินงวดต่อไป ขณะที่กลุ่มที่ 2.กลุ่มลูกหนี้ใกล้วิกฤต ได้แก่ ลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระเกินกว่า 12 งวดติดต่อกัน (ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2558) ซึ่งธนาคารฯ จะให้พักชำระดอกเบี้ยไม่เกินครึ่งหนึ่ง เป็นเวลาไม่เกิน 2 ปี แต่ให้ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยส่วนที่เหลือ หลังจากนั้นเมื่อครบ 2 ปี ให้นำดอกเบี้ยที่พักไว้เฉลี่ยจ่ายคืนรวมกับเงินงวดต่อไป กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระไม่เกิน 12 งวดติดต่อกัน สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามมาตรการของธนาคารออมสิน กลุ่มที่ 4 ลูกหนี้ปกติ คือลูกหนี้ที่ยังไม่ได้ผิดนัดชำระ และสามารถบริหารจัดการหนี้ได้ ธนาคารฯ ให้พักชำระเงินต้นไม่เกิน 2 ปี แต่ให้ชำระดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ธนาคารฯ ได้กำหนดเงื่อนไขสำหรับผู้เข้าร่วมมาตรการนี้จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ค้ำประกันเงินกู้ที่ปรับโครงสร้าง ลูกหนี้ยินยอมให้กรมบัญชีกลางหักเงินเดือนชดใช้หนี้ให้ธนาคารออมสิน และการปรับโครงสร้างนั้นได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและ สวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่สำคัญที่สุดคือลูกหนี้จะต้องตกลงที่จะไม่สร้างภาระหนี้เพิ่มกับสหกรณ์ออมทรัพย์อีก โดยให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลของลูกหนี้ที่มีกับสหกรณ์ฯ
อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการเข้าร่วมมาตรการนี้ ลูกหนี้ทุกรายจะต้องให้ผู้บังคับบัญชาหรือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ให้ความเห็นและรับรองก่อนยื่นลงทะเบียนที่ธนาคารออมสินทุกสาขา โดยธนาคารออมสินจะดำเนินการรวบรวมลูกหนี้กลุ่มที่ 1 ลูกหนี้ขั้นวิกฤต และกลุ่มที่ 2 ลูกหนี้ใกล้วิกฤต ซึ่งจะต้องแจกแจงทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมด ตามแบบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ส่งเรื่องให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณากลั่นกรอง ก่อนคืนให้ธนาคารออมสินพิจารณาตามหลักเกณฑ์ต่อไป ทั้งนี้ หากลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการนี้แล้วไม่ชำระหนี้ตามเงื่อนไข 2 งวดติดต่อกัน ลูกหนี้จะต้องกลับเข้าสู่เงื่อนไขและกระบวนการตามสัญญาเดิม
ที่มา : กระทรวงการคลัง
ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th