วันนี้ (14 ก.ค.58) เวลา 15.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ ถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีปรารภและสั่งการต่อที่ประชุมฯ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้สอบถามข้อมูลและสั่งการเกี่ยวกับเรื่องนโยบายป้องกันและปราบปรามการทุจริต ถึงกรณีที่มีข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับรายชื่อของข้าราชการที่อาจจะมีส่วนเข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องดังกล่าวออกมา 2 ครั้ง และมีการแบ่งสัดส่วนออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่1 คือ ข้าราชการระดับตั้งแต่ซี 8 ถึงข้าราชการระดับชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งตรงนี้ได้มีการใช้คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามอำนาจมาตรา 44 ของหัวหน้าคสช. ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปรับย้ายให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในส่วนกลางโดยเปิดตำแหน่งพิเศษรองรับ และให้ฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้ง ป.ป.ช. ป.ป.ท. และ ส.ต.ง. ตรวจสอบ อีกส่วนหนึ่งคือข้าราชการระดับกลางลงมาถึงระดับล่าง ซึ่งไม่ได้มีการโยกย้ายจากตำแหน่งหน้าที่เดิม เพราะเห็นว่าแม้จะอยู่ในตำแหน่งหน้าที่เดิมคงจะไม่มีผลต่อการทำให้หลักฐานทั้งหลายเกิดความซับซ้อนยุ่งยาก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามและสั่งการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยข้าราชการระดับตั้งแต่ซี 8 ถึงข้าราชการระดับชั้นผู้ใหญ่ นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการให้ดำเนินการสอบสวนเป็นไปอย่างรีบร้อน จนทำให้ข้อมูลสำคัญตกหล่น โดยให้ฝ่ายต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบและสอบสวนข้อมูลเหล่านี้เข้าใจสถานการณ์ว่าล่าช้ามากก็ไม่ได้ เพราะจะเป็นที่ครหาว่าใช้เวลานานเกินไปสำหรับการตรวจสอบและได้มีการปรับย้ายบุคคลดังกล่าวออกมาก็จะมีปัญหาในโอกาสต่อไป เพราะฉะนั้นในข้าราชการระดับชั้นผู้ใหญ่ก็ให้รับทราบสถานการณ์ว่ามีการเฝ้ามองจากสังคมอยู่ แต่ก็ไม่ต้องการเร่งรีบจนทำให้ข้อมูลหลักฐานสำคัญตกหล่นไป ขณะที่ในส่วนของข้าราชการระดับกลางจนถึงระดับล่างนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานต้นสังกัดเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงและให้มีการรายงานขึ้นมาโดยขณะนี้จากที่ได้รับรายงานข้อมูลดังกล่าวพบว่ายังมีน้อย เพราะฉะนั้นจึงได้เร่งรัดลงไปในส่วนของข้าราชการชั้นผู้น้อยเหล่านี้ เพื่อให้หน่วยงาน กระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งดำเนินการสอบสวนและรายงานขึ้นมา อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีที่มีการแจ้งข้อมูลว่าในบางกระทรวงมีเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องการทุจริตหลายนาย ทำให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงอาจไม่เพียงพอ ที่ประชุมจึงได้มีมติแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ว่า ส่วนใหญ่ในแต่ละกระทรวงจะมีฐานข้อมูลที่เชื่อได้ว่าอาจจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวพันกับการทุจริตในลักษณะที่มีฐานข้อมูลเดียวกัน เพราะฉะนั้นอาจจะใช้คณะกรรมการสอบสวนเพียงแค่คณะเดียวและดำเนินการในหลายคนที่อยู่ในฐานข้อมูลเดียวกันก็ได้
ส่วนขณะนี้จากได้มีการดำเนินการเรื่องการจัดทำข้อมูลสำรวจทัศนคติของประชาชนที่มีต่อเรื่องการปฏิบัติงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยได้มีการตรวจสอบเรื่องของการวัดผลความพึงพอใจ ปัญหาข้อขัดข้องต่าง ๆ สิ่งที่ประชาชนต้องการ และสิ่งที่ประชาชนไม่ต้องการ ขณะนี้ได้มีการนำข้อมูลดังกล่าวเรียนให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเพิ่มเติมว่า ให้นำข้อมูลเหล่านี้ที่ได้มีการตรวจสอบแล้ว แจกจ่ายให้กับทุกกระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นฐานข้อมูลในเบื้องต้น พร้อมสั่งการให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคนลงพื้นที่โดยไม่ต้องคอยเดินทางไปพร้อมนายกรัฐมนตรี โดยให้เริ่มลงพื้นที่ตั้งแต่วันนี้ เพื่อจะนำข้อมูลที่เป็นฐานข้อมูลดังกล่าวไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหา ซึ่งสิ่งที่กำหนดชัดเจนคือต้องลงไปแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนตามข้อมูลที่สำรวจไว้ รวมทั้งต้องหาข้อยุติในทุกเรื่องที่เป็นปัญหาให้ได้ และต้องตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในสิ่งที่ทำได้ เป็นประโยชย์โดยไม่ขัดต่อหลักการที่กำหนด ทั้งนี้สิ่งใดที่เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของประชาชนจะต้องชี้แจงทำความเข้าใจในทุกประเด็น ส่วนเรื่องใดที่เข้าใจถูกต้องแล้วก็ต้องมีการขยายความให้รับทราบโดยถ้วนหน้า
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th