ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้โอวาทสรุปความว่า การแข่งขันกีฬาครั้งนี้เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้เด็กพิเศษได้แสดงความสามารถและศักยภาพของตนออกมา ซึ่งจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนปกติ แต่พวกเขาก็แสดงให้เห็นว่าสามารถที่จะฝึกฝนและพัฒนาให้เท่าเทียมกับผู้อื่นได้ สิ่งที่ดีและสำคัญที่สุดสำหรับเด็กพิเศษคือการที่คนรอบข้างมอบความรัก ความเข้าใจ และการยอมรับ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าคณะนักกีฬาฯ จะสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างเข้มแข็ง ภาคภูมิใจและมีความสุข
นอกจากเวทีนี้จะเปิดโอกาสให้เด็กพิเศษได้แสดงความสามารถแล้ว ยังได้สื่อสารให้ผู้คนทั่วโลกเห็นคุณค่าของผู้พิการทางสมองและปัญญาว่ามีศักยภาพที่จะพัฒนาได้เช่นเดียวกับคนทั่วไป ทำให้คนในสังคมยอมรับ ผมขอชื่นชมผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่มีความอดทนและอุทิศตนช่วยกันพัฒนาและเห็นคุณค่าของ
เด็กพิเศษ ให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยใช้กีฬาเป็นสื่อกลาง เพราะเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพ สร้างความมั่นใจ ความกล้าแสดงออก ทั้งยังช่วยพัฒนาด้านอารมณ์และจิตใจ เพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม และเห็นคุณค่าของตนเอง
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีขอเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาทุกคน ได้ทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด ทำให้เต็มกำลังความสามารถ มีน้ำใจนักกีฬา เคารพและปฏิบัติตามกฎกติกาที่วางไว้ และนำประสบการณ์ที่ได้จากการแข่งขันมาพัฒนาตนเองให้ก้าวต่อไปในวันข้างหน้า
ตอนท้ายนายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้โอวาทเพิ่มเติมว่า คณะเจ้าหน้าที่และแพทย์ที่เกี่ยวข้องล้วนแต่มีบทบาทสำคัญในการดูแลเอาใจใส่การพัฒนาสุขภาพร่างกายของคณะนักกีฬาให้มีศักยภาพสามารถแข่งขันกับนักกีฬาประเทศอื่น ๆ ที่เข้าร่วมแข็งขันครั้งนี้ได้ อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีได้อวยพรและให้กำลังใจนักกีฬาทุกคนประสบความสำเร็จในการแข่งขัน และขอให้ได้ชัยชนะกลับมา โดยถือว่าเป็นทูตพิเศษในการสร้างความเข้าใจกับนักกีฬาของประเทศอื่น ๆ ที่เข้าร่วมการแข่งขันฯ แต่หากไม่ชนะก็ถือว่าเป็นบทเรียนและนำไปสู่การปรับปรุงและฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อประสบความสำเร็จในการแข่งขันครั้งต่อ ๆ ไป
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวทักทายคณะนักกีฬาฯ ด้วยอัธยาศัยอันดี
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
พัณณวรินทร์ อินโท่โล่/รายงาน
ดวงใจ กล่อมจิตต์/ตรวจ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th