วันนี้ (20 ก.ค. 58) เวลา 09.30 น. ณ อาคารศูนย์กลางเกษตรจังหวัดระยอง ตลาดกลางผลไม้เพื่อการเกษตรตะพง ตำบลตะพง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ผลไม้และการเปิดสวนผลไม้ Homestay เพื่อการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพิ่มรายได้ชาวสวนในพื้นที่จังหวัดระยอง จากนายประจวบ จำเนียรศรี รองประธานสภาเกษตรจังหวัดระยอง และรับฟังบรรยายสรุปเรื่อง การดำเนินการของตลาดผลไม้เพื่อการเกษตรตะพง จากนายทวีป แสงกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะพง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น และประชาชนให้การต้อนรับ
นายประจวบ จำเนียรศรี รองประธานสภาเกษตรแห่งชาติ ได้บรรยายสรุปสถานการณ์ผลไม้จังหวัดระยอง มุมมองชาวสวนผลไม้และการเปิดสวนผลไม้ และ Homestay เพื่อการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพิ่มรายได้ชาวสวนว่า ปัญหาชาวสวนผลไม้คือด้านราคาผลไม้จากพ่อค้าคนกลางทำให้ชาวสวนผลไม้ขาดเสถียรภาพจากการขายผลไม้ และขาดแคลนแรงงานช่วงฤดูเก็บผลไม้ รวมถึงปัญหาฝนทิ้งช่วงทำให้ไม่มีน้ำเพียงพอต่อสวนผลไม้ ส่งผลต่อคุณภาพผลไม้ไม่มีคุณภาพทำให้ราคาตกต่ำ
ด้านนายทวีป แสงกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะพง ได้บรรยายสรุปการดำเนินการของตลาดกลางผลไม้เพื่อการเกษตรตะพงในการช่วยเหลือชาวสวนผลไม้ โดยนายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะพงกล่าวว่า ตลาดกลางผลไม้ตะพง เป็นตลาดที่ก่อสร้างจากการรวมตัวของประชาชนในชุมชน โดยการจัดหางบประมาณกันเองประมาณคนละ 13,000 บาท ประมาณ 60 คน เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2530 - 2531 เพื่อใช้สำหรับเป็นสถานที่รวบรวมผลผลิตทางการเกษตร ประมง ได้แก่ เงาะ มังคุด ทุเรียน และสินค้าประมงพื้นบ้าน มีจำนวนร้านค้า 360 ร้าน โดยใช้พื้นที่ของที่สาธารณะตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่ 5005 ที่ดินเลขที่ 400 ซึ่งมีเนื้อที่ 51 ไร่ 2 งาน และได้มอบให้องค์การบริหารส่วนตำบลตะพงเป็นผู้บริหารจัดการตลาด ทั้งนี้ จะขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อช่วยเหลือชาวสวนผลไม้ดังนี้ 1.โครงการอาคารตลาดกลางผลไม้ตะพงพร้อมระบบสาธารณูปโภคขนาด 25.50 ? 132 เมตร งบประมาณ 29,638,000 บาท 2. โครงการก่อสร้างห้องน้ำสาธารณะบริการประชาชน ขนาด 5 ? 10 เมตร จำนวน 2 หลัง งบประมาณ 3,400,000 บาท และ 3. โครงการติดตั้งกล้อง CCTV จำนวน 60 จุด งบประมาณ 2,700,000 บาท
ภายหลังการรับฟังบรรยายสรุป นายกรัฐมนตรีกล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ตั้งใจมาเพื่อพบปะและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน รัฐบาลจะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ จะไม่ย่อท้อต่อปัญหา โดยจะแก้ปัญหาในภาพรวมทั้งประเทศ โดยเฉพาะปัญหาพืชผลทางเกษตรต้องทำให้ราคาสูงขึ้น ทั้งนี้ จะต้องหาช่องทางการตลาดรวมถึงพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางอาหารของโลก และจะต้องเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะเรื่องน้ำต้องมีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบรองรับสถานการณ์ในอนาคต ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการแล้วแต่ฝนไม่ตก ทำให้น้ำต้นทุนมีน้อยไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้รัฐบาลได้เพิ่มพื้นที่ชลประทาน และขุดน้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนการเกษตรแต่ทั้งนี้ต้องให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคก่อน เพราะฉะนั้นในช่วงฤดูแล้งขอให้ประชาชนช่วยกันทำแก้มลิง ขุดลอกคลองในพื้นที่หมู่บ้านและชุมชนเพื่อกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน สำหรับการเพาะปลูกนอกพื้นที่เขตชลประทาน เกษตรกรต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกให้สอดคล้องเหมาะสมกับพื้นที่และปริมาณน้ำ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพได้ราคาสูง รวมถึงเป็นเกษตรแนวใหม่มีการเพาะปลูกเชื่อมโยงศูนย์ทฤษฎีใหม่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ทั้งนี้ เกษตรกรต้องร่วมมือกับรัฐบาลสร้างเครือข่ายเพื่อทำให้สินค้าราคาสูงขึ้น โดยการแลกเปลี่ยนค้าขายกับต่างประเทศแบบรัฐบาลกับรัฐบาล ซึ่งประเทศไทยต้องเกิดความสงบภายในประเทศก่อน เมื่อประเทศมีความสงบ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวก็มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เพราะต่างประเทศให้ความสนใจประเทศไทยอยู่แล้ว นอกจากนั้น ขอให้เกษตรกรรวมกลุ่มผู้เพาะปลูก จัดตั้งเป็นสหกรณ์เพื่อแก้ไขการกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง สำหรับการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ ขอให้ดูเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นหลักเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยว สร้างรายได้เข้าสู่พื้นที่ สู่ประเทศต่อไป
สำหรับเรื่องงบประมาณที่ทางจังหวัดขอรับการสนับสนุน รัฐบาลจะรับไปพิจารณาให้ความช่วยเหลือให้เหมาะสมกับงบประมาณ ซึ่งอะไรที่รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนได้ รัฐบาลพร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีได้อวยพรให้เกษตรกรมีความก้าวหน้า สำหรับข้าราชการส่วนท้องถิ่นขอให้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ดูแลแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างดีที่สุด อย่ากังวลเรื่องการยุบตำแหน่ง
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเยี่ยมชมตลาด พบปะเกษตรชาวสวนผลไม้ ก่อนเดินทางต่อไปที่โรงเรียนกำเนิดวิทย์ อำเภอวังจันทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของโรงเรียนกำเนิดวิทย์และสถาบันวิทยสิริเมธีต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th