รัฐบาลผ่อนปรนเตรียมส่งน้ำช่วยเหลือภาคเกษตรในพื้นที่วิกฤตบรรเทาปัญหาน้ำแล้ง พร้อมเตรียมมาตรการช่วยเหลือสร้างงานในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

ข่าวทั่วไป Tuesday July 21, 2015 16:39 —สำนักโฆษก

วันนี้ (21 ก.ค.58) เวลา 15.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายปิติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และพลเอก อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก ได้ชี้แจงเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำแล้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ความช่วยเหลือเกษตรกรเนื่องจากปัญหาฝนแล้งที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวเกษตรกร โดยต้องมีการสร้างงานให้เกิดงานในพื้นที่และเอื้อประโยชน์ต่อปัจจัยการผลิตของเกษตรกร ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และทุกส่วนที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไปพิจารณาว่าจะสามารถสร้างงานในพื้นที่ได้อย่างไร ซึ่งแนวทางที่เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้คือจะใช้งบประมาณในส่วนของการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่แต่ละจังหวัดมีอยู่แล้ว จังหวัดละ 10 ล้านบาท โดยจะมีการพิจารณาพื้นที่ในภาพรวมของประเทศทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง ยกเว้นภาคใต้ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนแล้ง ทั้งนี้มติคณะรัฐมนตรีได้มอบให้กระทรวงมหาดไทยทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลัง ในเรื่องของกิจกรรมต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร

ส่วนในช่วงนี้ที่พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายเนื่องจากฝนแล้ง ที่ประชุมก็ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาและหาแนวทางในการฟื้นฟูทางด้านการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว รวมทั้งภายหลังสถานการณ์ปัญหาผ่านพ้นแล้วจะต้องมีการประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อเตรียมช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อไป

สำหรับแนวทางการบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ขอความร่วมมือประชาชนงดการสูบน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาไปใช้ในภาคการเกษตร โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วนทั้งกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคประชาชน ทั้งนี้การที่ได้รับความร่วมมือในการงดสูบน้ำทำให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเพิ่มขึ้นในอัตราที่น่าพอใจ และจากการประเมินจนถึงเมื่อวานนี้คาดว่ามีโอกาสที่จะสามารถดำเนินการส่งน้ำเพิ่มเติมไปให้ภาคเกษตรได้ อย่างไรก็ตามพื้นที่ที่จะส่งน้ำไปช่วยเหลือคงไม่ใช่พื้นที่ทั้งหมด แต่จะเป็นการส่งน้ำไปช่วยเหลือพื้นที่วิกฤตที่กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) ได้ดูแลร่วมกัน ทั้งนี้กรณีพื้นที่วิกฤตคือพื้นที่ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพาะปลูกข้าวซึ่งตั้งท้องเตรียมที่จะออกรวงและจะมีการเก็บเกี่ยวในฤดูกาลต่อไป และอีกกลุ่มคือพื้นที่ที่ข้าวยังไม่ตั้งท้องและมีโอกาสรอดได้หากฝนตกในช่วงต่อจากนี้ ซึ่งการส่งน้ำก็จะไปช่วยตรงนี้ได้ ส่วนอีกพื้นที่คือพื้นที่เพิ่งเริ่มเพาะปลูก ดังนั้นการส่งน้ำไปช่วยเหลือภาคเกษตรจะพิจาณาส่งไปให้ในพื้นที่ที่เห็นว่ามีความจำเป็นและมีปัญหาตามที่กำหนดดังกล่าว พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือกับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่จะส่งน้ำที่ไม่มีกิจกรรมทางด้านการเกษตรหรือคิดจะปลูกครั้งที่สอง รวมถึงคิดที่จะสูบน้ำเพื่อไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นขอให้ช่วยกันดูแลผู้ที่เดือนร้อนปลายทางที่รอการช่วยเหลือตรงนี้อยู่ในขณะนี้ด้วย ซึ่งการส่งน้ำในพื้นที่ดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการพรุ่งนี้และจะมีการจัดส่งข้อมูลแผนที่ตลอดจนเส้นทางจัดสรรน้ำไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด รวมทั้งขอความร่วมมือสื่อมวลชนสร้างความเข้าใจกับสังคมเพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้น

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ