ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วยคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรีชมนิทรรศการและวีดีทัศน์โครงการ“การจัดนิทรรศการและสื่อสารคดี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”
พลเอก วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายงานว่า ในปี 2558 นี้ เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 88 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2558 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 83 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2558 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกับคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี ขอมีส่วนร่วมโดยกำหนดจัด “โครงการจัดนิทรรศการและสื่อสารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และเพื่อส่งเสริมค่านิยมของเด็กและเยาวชนไทยให้มีความรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนเผยแพร่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปยังกลุ่มนักเรียนและเยาวชน ในสถานศึกษา ชุมชน ท้องถิ่น ชาติ อาเซียน โครงการนี้จะช่วยส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เกิดการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ การทำความดี การทำประโยชน์ต่อสังคม มีการประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรมจริยธรรม และการนำค่านิยม 12 ประการตามนโยบายของรัฐบาลมาใช้ในการดำเนินชีวิต การเรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แนวทางการผลิตสื่อวีดิทัศน์ และการสร้างเครือข่ายของเด็กและเยาวชน รวมทั้งมีความรับผิดชอบต่อสังคมพร้อมที่จะเติบโตเป็นทรัพยากรที่มีค่าของประเทศในอนาคต โดยการจัดโครงการดังกล่าว แบ่งเป็น การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยจะนำนักเรียนจากโรงเรียน 88 แห่งทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการมาเข้าค่ายเรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ณ ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงใน 4 ภาค ประกอบด้วย ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและศิลปาชีพ ภาคกลาง จังหวัดฉะเชิงเทรา ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ และศูนย์กสิกรรมธรรมชาติบ้านบุญ เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ (คกช.) มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ จังหวัดขอนแก่น รวมทั้ง ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและศิลปาชีพภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
การจัดนิรรศการโดยจัดในรูปแบบนิทรรศการมีชีวิต “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเยาวชนไทย” ประกอบด้วย 4 ซุ้ม ได้แก่ ซุ้มแห่งการเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยเป็นโมเดลที่สร้างสรรค์โดยเยาวชน ซุ้มเศรษฐกิจพอเพียงตอบโจทย์ชีวิตจริงต้องบอกต่อ เป็นการอธิบายข้อดีของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การประยุกต์ใช้ที่หลากหลายระดับและประโยชน์ที่จะเกิดกับผู้นำไปใช้ ซุ้มเศรษฐกิจพอเพียงสร้างสุข อธิบายแนวคิดทำอย่างไรชีวิตจึงมีความสุข ซุ้มเศรษฐกิจพอเพียงสร้างภูมิคุ้มกันสู่โลกาภิวัตน์ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาอายุระหว่าง 12 - 18 ปี ที่สมัครเข้าร่วมโครงการ จากโรงเรียนทั่วประเทศ 88 แห่ง โรงเรียนละ 10 คน รวมจำนวน 880 คน ครูแกนนำ 176 คน โรงเรียนละ 2 คน และนักเรียนจากประเทศสมาชิกอาเซียน 3 ประเทศ รวมทั้งนิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่สนใจ พร้อมทั้งได้เปิดโอกาสให้เยาวชนประเทศสมาชิกอาเซียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนที่สนใจมีส่วนร่วมผลิตสารคดีสื่อโทรทัศน์ในรูปแบบสารคดีสั้น ภาพยนตร์สั้น ข่าว หรือสารคดีเชิงข่าว เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการรับสมัครผู้สนใจส่งผลงานผลิตสื่อโทรทัศน์ภายใต้หัวข้อ “เรารักในหลวง” เข้าร่วมการประกวดในโครงการนี้ สำหรับนักเรียนจากโรงเรียน 88 แห่ง จะมีการผลิตสารคดีสั้นจำนวน 88 ตอน เพื่อเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณ และแนวคิดรณรงค์รักในหลวง รวมทั้งการสร้างแบบอย่างที่ดีในเรื่องการรักสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยผลงานของโรงเรียนทุกชิ้นจะได้รับการเผยแพร่ภายในโรงเรียน ที่เข้าร่วมโครงการ และส่งเข้าร่วมการประกวด ผลงานที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว จะนำไปเผยแพร่ในชุมชนต่าง ๆ ในรายการทางสถานีโทรทัศน์ เว็บไซต์ สิ่งพิมพ์วิทยุ สื่อออนไลน์ และในงานวันเยาวชนแห่งชาติ รวมทั้งผลงานของบุคคลทั่วไปที่ส่งเข้าประกวดด้วย สำหรับผลงานที่ได้รับรางวัลจะได้รับการส่งเข้าประกวดในเวทีต่างประเทศ ผลงานที่ส่งเข้าประกวดทุกชิ้นจะได้รับประกาศนียบัตร สำหรับผู้ได้รับรางวัลจากการตัดสินของคณะกรรมการ จะได้รับถ้วยรางวัล พร้อมด้วยโล่รางวัล ประกาศนียบัตรและทุนการศึกษา โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับถ้วยรางวัลของนายกรัฐมนตรี รองชนะเลิศได้รับถ้วยรางวัลของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตามลำดับ
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดงานสรุปความว่า คนไทยเป็นชนชาติที่มีความรักความผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเรามีประวัติศาสตร์การก่อตั้งชาติโดยพระมหากษัตริย์เป็นผู้ปกครองเสมือนพ่อลูกตั้งแต่โบราณ และสืบทอดต่อกันมาจวบจนปัจจุบัน พระมหากษัตริย์ของไทยทุกพระองค์ทรงดูแลทุกข์สุขของพสกนิกรอย่างใกล้ชิด และทรงงานหนักอย่างแท้จริง โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงเป็นพระมหากษัตริย์และพระราชินีที่ทรงเสียสละความสุขสบายส่วนพระองค์ เสด็จพระราชดำเนินไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจในทุกท้องที่ทั่วประเทศ แม้ทุรกันดารห่างไกล ป่าเขา ลำบากแค่ไหนก็ไม่ทรงย่อท้อ เพื่อจะทรงสัมผัสปัญหาความทุกข์ยากของราษฎร และพระราชทานความช่วยเหลือโดยพระราชทานโครงการพระราชดำริต่าง ๆ มากมายหลายพันโครงการ ซึ่งล้วนเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ฐานราก และบูรณาการเพื่อให้ประชาชนอยู่ดี กินดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ประเทศชาติเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่สำคัญได้พระราชทานแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่คนไทย นำไปใช้ในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ บนหลักของความพอดี พออยู่ พอกิน ไม่ประมาท เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันความมั่นคงให้แก่ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แจ้งว่าศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงที่ทรงก่อตั้งขึ้นสามารถทำให้ชีวิตของราษฎรมีความเป็นอยู่ที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งที่ได้พระราชทานโครงการเศรษฐกิจพอเพียงไปยังประชาชนของประเทศ เพื่อนบ้านของไทย เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า พวกเราชาวไทยจึงควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้วยความจงรักภักดี โดยการทำความดี เป็นคนดีของแผ่นดินเพื่อให้ทั้งสองพระองค์ได้มีกำลังพระทัย ที่สำคัญคือการสร้างค่านิยมของเด็กและเยาวชนไทยให้มีความรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่คู่ชาติไทยของเราตลอดไป สำหรับการดำรงชีวิตโดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือการดำรงตนด้วยความขยัน รู้จักอดออม รู้จักใช้จ่าย พอกินพอใช้ และสามารถดูแลเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ พร้อมทั้งเผื่อแผ่ให้กับสังคมและผู้อื่น ดังนั้น การมีมากมีน้อยไม่ได้ขึ้นอยู่จำนวนหรือปริมาณ แต่ขึ้นอยู่กับความพอใจและความพอเพียงกับสิ่งที่ตนมี
ตอนท้ายของการกล่าวเปิดโครงการฯ นายกรัฐมนตรีได้ฝากให้เด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการนี้ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด พร้อมยึดถือประโยชน์ของสังคมเป็นหลักมากกว่าประโยชน์ส่วนตน อีกทั้งสร้างแรงบันดาลใจในการค้นหาตนเองว่าสนใจหรือถนัดการศึกษาอะไร และให้มีความมุ่งมั่นเพื่อประสบความสำเร็จในสิ่งที่มุ่งมั่นนั้นเพื่อประกอบอาชีพและสร้างอนาคตเพื่อพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
หลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดโครงการฯ แล้วได้กล่าวทักทายคณะเยาวชนที่มาร่วมงานด้วยอัธยาศัยอันดี
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
พัณณ์วรินทร์ อินโท่โล่ รายงาน
ดวงใจ กล่อมจิตต์ ตรวจ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th