ทำเนียบรัฐบาล--1 ก.ค.--บิสนิวส์
วันนี้ (30 มิ.ย. 41) เมื่อเวลา 08.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้นำนายโรเบิร์ต รูบิน (Robert Rubin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ พร้อมด้วยคณะเข้าเยี่ยมคารวะนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนภูมิภาคเอเชีย โดยก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปเยือนประเทศจีน มาเลเซีย และจะเดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้ ตามลำดับ และเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชีย ภายหลังหารือ นายอรรคพล สรสุชาติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้แถลงข่าว สรุปได้ดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้ให้การสนับสนุนแก่ประเทศไทย ทั้งที่ผ่านกองทุนการเงินระหว่างประเทศและให้ความช่วยเหลือโดยตรงในระดับทวิภาคี พร้อมกับย้ำว่า รัฐบาลไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินมาตรการต่าง ๆ ตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศอย่างจริงจังต่อไป ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวยอมรับว่า แม้ว่าในขณะนี้จะมีความเชื่อมั่นในประเทศไทยมากขึ้นในตลาดการเงินและจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ แต่ความรุนแรงของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและความท้าทายต่าง ๆ ยังไม่หมดไป โดยเฉพาะช่วงเวลาต่อจากนี้ไปจนถึงในช่วงปลายปีนี้ จะเป็นช่วงที่วิกฤตที่สุด และจะส่งผลกระทบต่อปัญหาทางสังคม เช่น อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องบอกกล่าวให้คนไทยได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงและปัญหาที่จะเกิดขึ้นด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้กล่าวชื่นชมว่าแนวทางในการแก้ไขปัญหาของประเทศไทยที่ผ่านมา ในเรื่องการมีมาตรการทางการเงินการคลังที่เข้มงวดและความพยายามในการสร้างเสถียรภาพให้กับค่าเงินบาทนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และได้สร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจของไทยเพิ่มมากขึ้นให้กับตลาดการเงินต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นตลาดนิวยอร์ก ลอนดอน โตเกียว เป็นต้น โดยนักลงทุนและนักธุรกิจต่างประเทศเห็นว่า รัฐบาลชุดนี้สามารถทำงานได้ดีมาก และเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงการเดินทางไปเยือนจีนด้วยว่า ในระหว่างการเดินทางไปเยือนจีนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น นับได้ว่ามีข่าวดี (Good News) เกิดขึ้น เนื่องจาก รัฐบาลจีนได้ยืนยันอย่างชัดเจนและแน่วแน่ว่า ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ และไม่ว่าค่าเงินเยนจะเป็นเช่นไร รัฐบาลจีน จะไม่ลดค่าเงินหยวนอย่างแน่นอน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แสดงความเห็นด้วยว่า การประกาศไม่ลดค่าเงินหยวนของจีน นับเป็นการแสดงถึงความเป็นผู้นำ (leadership) ของจีนในภูมิภาคนี้ และยังส่งผลดีต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาคเอเชียด้วย
ในตอนท้าย ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความผันแปรของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในภูมิภาคนี้ โดยต่างเห็นพ้องกันว่า มีความปรารถนาที่จะเห็นประเทศญี่ปุ่นแสดงบทบาทมากขึ้นในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของภูมิภาคด้วยการมีมาตรกรต่าง ๆ ที่สำคัญและจำเป็น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หากญี่ปุ่นได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ย่อมที่จะส่งผลต่อภูมิภาคเอเชีย และโดยเฉพาะประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะญี่ปุ่นเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า การดำเนินมาตรการใด ๆ ที่จำเป็นทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่จะเป็นผลประโยชน์ต่อความมั่นคงและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของเอเชียเท่านั้นแต่ยังเป็นผลประโยชน์ของโลกโดยรวมด้วย
อนึ่ง นายกรัฐมนตรียังได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้แสดงความเป็นห่วงในสถานการณ์ของอินโดนีเซีย โดยเฉพาะผลกระทบทางสังคม และภาวะการขาดแคลนอาหาร อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศได้เตรียมมาตรการที่จะให้ความช่วยเหลือไว้แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวเห็นด้วยว่ามีความจำเป็นที่จะต้องให้ความช่วยเหลือโดยการจัดหาอาหารที่เพียงพอแก่ประชาชนอินโดนีเซีย
ต่อจากนั้น ในเวลาประมาณ 09.00 น. ณ ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้หารือข้อราชการต่อกับนายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยมีนายพิสิฐ ลี้อาธรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังร่วมหารือด้วย โดยภายหลังการหารือข้อราชการ ทั้งสองฝ่ายได้มีการแถลงข่าวร่วมกันซึ่งสรุปสาระสำคัญของการแถลงข่าวได้ดังนี้
นายโรเบิร์ต รูบิน ได้กล่าวหารือทั้งกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย ตนได้แจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันถึงความตั้งใจว่า พร้อมที่จะให้การสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลไทยในการปฏิรูปต่าง ๆ เท่าที่รัฐบาลไทยมีความจำเป็นและต้องการ พร้อมกับได้กล่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ฝากยืนยันกับนายกรัฐมนตรีว่า ทางสหรัฐฯ มีความมุ่งมั่นอย่างเข้มแข็ง (strong commitment) ที่จะร่วมแก้ไขปัญหาและปฏิรูปเศรษฐกิจในภูมิภาคอีกด้วย และได้แจ้งให้รัฐบาลไทยได้รับทราบถึงข่าวดีด้วยว่า รัฐบาลจีนมีความแน่วแน่ที่จะไม่ลดค่าเงินหยวนอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ ยังกล่าวว่าขณะนี้ สถานการณ์ในประเทศไทยมีสัญญาณที่ดีว่าเศรษฐกิจกำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับคืนมา ทั้งนี้ นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงว่า รัฐบาลไทยได้กล่าวขอบคุณความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ทั้งที่ผ่านกองทุน IMF และความช่วยเหลือทวิภาคี และยืนยันว่ารัฐบาลไทยจะปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ตามข้อตกลงของ IMF อย่างเคร่งครัดต่อไป รวมถึงจะดำเนินการต่อไปในการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจทั้งในภาคการเงิน และการธนาคาร นอกจากนี้ ในการหารือระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อคืนวันที่ 29 มิถุนายน 2541 ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ร่วมงานด้วยนั้น ทั้งสองฝ่าย ยังได้หารือถึงความคืบหน้าในแผนงานการปรับโครงสร้างหนี้ การแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน และการเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างไทย และสหรัฐฯ รวมถึงการพิจารณาคืนสิทธิพิเศษ GSP ให้แก่สินค้าไทย 4 รายการด้วย ซึ่งฝ่ายสหรัฐฯ ได้แจ้งว่าอยู่ในระหว่างการดำเนินการ--จบ--
วันนี้ (30 มิ.ย. 41) เมื่อเวลา 08.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้นำนายโรเบิร์ต รูบิน (Robert Rubin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ พร้อมด้วยคณะเข้าเยี่ยมคารวะนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนภูมิภาคเอเชีย โดยก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปเยือนประเทศจีน มาเลเซีย และจะเดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้ ตามลำดับ และเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชีย ภายหลังหารือ นายอรรคพล สรสุชาติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้แถลงข่าว สรุปได้ดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้ให้การสนับสนุนแก่ประเทศไทย ทั้งที่ผ่านกองทุนการเงินระหว่างประเทศและให้ความช่วยเหลือโดยตรงในระดับทวิภาคี พร้อมกับย้ำว่า รัฐบาลไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินมาตรการต่าง ๆ ตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศอย่างจริงจังต่อไป ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวยอมรับว่า แม้ว่าในขณะนี้จะมีความเชื่อมั่นในประเทศไทยมากขึ้นในตลาดการเงินและจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ แต่ความรุนแรงของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและความท้าทายต่าง ๆ ยังไม่หมดไป โดยเฉพาะช่วงเวลาต่อจากนี้ไปจนถึงในช่วงปลายปีนี้ จะเป็นช่วงที่วิกฤตที่สุด และจะส่งผลกระทบต่อปัญหาทางสังคม เช่น อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องบอกกล่าวให้คนไทยได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงและปัญหาที่จะเกิดขึ้นด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้กล่าวชื่นชมว่าแนวทางในการแก้ไขปัญหาของประเทศไทยที่ผ่านมา ในเรื่องการมีมาตรการทางการเงินการคลังที่เข้มงวดและความพยายามในการสร้างเสถียรภาพให้กับค่าเงินบาทนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และได้สร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจของไทยเพิ่มมากขึ้นให้กับตลาดการเงินต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นตลาดนิวยอร์ก ลอนดอน โตเกียว เป็นต้น โดยนักลงทุนและนักธุรกิจต่างประเทศเห็นว่า รัฐบาลชุดนี้สามารถทำงานได้ดีมาก และเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงการเดินทางไปเยือนจีนด้วยว่า ในระหว่างการเดินทางไปเยือนจีนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น นับได้ว่ามีข่าวดี (Good News) เกิดขึ้น เนื่องจาก รัฐบาลจีนได้ยืนยันอย่างชัดเจนและแน่วแน่ว่า ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ และไม่ว่าค่าเงินเยนจะเป็นเช่นไร รัฐบาลจีน จะไม่ลดค่าเงินหยวนอย่างแน่นอน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แสดงความเห็นด้วยว่า การประกาศไม่ลดค่าเงินหยวนของจีน นับเป็นการแสดงถึงความเป็นผู้นำ (leadership) ของจีนในภูมิภาคนี้ และยังส่งผลดีต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาคเอเชียด้วย
ในตอนท้าย ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความผันแปรของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในภูมิภาคนี้ โดยต่างเห็นพ้องกันว่า มีความปรารถนาที่จะเห็นประเทศญี่ปุ่นแสดงบทบาทมากขึ้นในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของภูมิภาคด้วยการมีมาตรกรต่าง ๆ ที่สำคัญและจำเป็น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หากญี่ปุ่นได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ย่อมที่จะส่งผลต่อภูมิภาคเอเชีย และโดยเฉพาะประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะญี่ปุ่นเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า การดำเนินมาตรการใด ๆ ที่จำเป็นทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่จะเป็นผลประโยชน์ต่อความมั่นคงและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของเอเชียเท่านั้นแต่ยังเป็นผลประโยชน์ของโลกโดยรวมด้วย
อนึ่ง นายกรัฐมนตรียังได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้แสดงความเป็นห่วงในสถานการณ์ของอินโดนีเซีย โดยเฉพาะผลกระทบทางสังคม และภาวะการขาดแคลนอาหาร อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศได้เตรียมมาตรการที่จะให้ความช่วยเหลือไว้แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวเห็นด้วยว่ามีความจำเป็นที่จะต้องให้ความช่วยเหลือโดยการจัดหาอาหารที่เพียงพอแก่ประชาชนอินโดนีเซีย
ต่อจากนั้น ในเวลาประมาณ 09.00 น. ณ ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้หารือข้อราชการต่อกับนายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยมีนายพิสิฐ ลี้อาธรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังร่วมหารือด้วย โดยภายหลังการหารือข้อราชการ ทั้งสองฝ่ายได้มีการแถลงข่าวร่วมกันซึ่งสรุปสาระสำคัญของการแถลงข่าวได้ดังนี้
นายโรเบิร์ต รูบิน ได้กล่าวหารือทั้งกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย ตนได้แจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันถึงความตั้งใจว่า พร้อมที่จะให้การสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลไทยในการปฏิรูปต่าง ๆ เท่าที่รัฐบาลไทยมีความจำเป็นและต้องการ พร้อมกับได้กล่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ฝากยืนยันกับนายกรัฐมนตรีว่า ทางสหรัฐฯ มีความมุ่งมั่นอย่างเข้มแข็ง (strong commitment) ที่จะร่วมแก้ไขปัญหาและปฏิรูปเศรษฐกิจในภูมิภาคอีกด้วย และได้แจ้งให้รัฐบาลไทยได้รับทราบถึงข่าวดีด้วยว่า รัฐบาลจีนมีความแน่วแน่ที่จะไม่ลดค่าเงินหยวนอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ ยังกล่าวว่าขณะนี้ สถานการณ์ในประเทศไทยมีสัญญาณที่ดีว่าเศรษฐกิจกำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับคืนมา ทั้งนี้ นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงว่า รัฐบาลไทยได้กล่าวขอบคุณความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ทั้งที่ผ่านกองทุน IMF และความช่วยเหลือทวิภาคี และยืนยันว่ารัฐบาลไทยจะปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ตามข้อตกลงของ IMF อย่างเคร่งครัดต่อไป รวมถึงจะดำเนินการต่อไปในการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจทั้งในภาคการเงิน และการธนาคาร นอกจากนี้ ในการหารือระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อคืนวันที่ 29 มิถุนายน 2541 ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ร่วมงานด้วยนั้น ทั้งสองฝ่าย ยังได้หารือถึงความคืบหน้าในแผนงานการปรับโครงสร้างหนี้ การแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน และการเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างไทย และสหรัฐฯ รวมถึงการพิจารณาคืนสิทธิพิเศษ GSP ให้แก่สินค้าไทย 4 รายการด้วย ซึ่งฝ่ายสหรัฐฯ ได้แจ้งว่าอยู่ในระหว่างการดำเนินการ--จบ--