คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ในการประชุม ครั้งที่ 6/2558 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2558 โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีสรุปผลการพิจารณาดังนี้
1. การจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ
คนร. เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจและได้กำหนดให้รัฐวิสาหกิจที่มีบริษัทในเครือทบทวนสถานภาพการคงอยู่ของบริษัทในเครือที่มีการจัดตั้งขึ้นแล้ว โดยให้รายงานผ่านกระทรวงเจ้าสังกัดและนำเสนอ คนร. ทราบภายใน 3 เดือน หากจำเป็นต้องคงอยู่แต่มีผลการดำเนินงานขาดทุนให้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาและปรับปรุงการดำเนินงานด้วย สำหรับหลักเกณฑ์
การจัดตั้ง/ร่วมทุน และกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจได้มีการเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในสาระสำคัญดังนี้
1) ให้หลักเกณฑ์ดังกล่าวครอบคลุมรัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่ง 2) ปรับปรุงข้อมูลประกอบการขออนุมัติการจัดตั้ง/ร่วมลงทุนในบริษัทในเครือที่มีความรอบคอบและมุ่งหวังผลสำเร็จของบริษัทในเครือ 3) ปรับปรุงระบบกำกับดูแล
บริษัทในเครือที่รัดกุมยิ่งขึ้นโดยให้มีการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือต่อ คนร. รวมทั้ง กำหนดให้การส่งพนักงานเข้าไปทำงานในบริษัทในเครือ (Secondment) ให้พนักงานรับค่าตอบแทนทางใดทางหนึ่งเท่านั้น และให้มี
การกำหนดระยะเวลาการทำงานที่ชัดเจน
2. การกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจภาพรวมของประเทศ
คนร. ได้เห็นชอบหลักการของร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจที่จะจัดทำขึ้นตามที่ คนร. ได้มอบหมายในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1) กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจในกฎหมาย
2) กำหนดให้มีแผนพัฒนาระบบรัฐวิสาหกิจ
3) กำหนดให้มีระบบกำกับดูแลของรัฐวิสาหกิจ เช่น ระบบสรรหาและแต่งตั้งกรรมการ ระบบประเมินผลงาน ระบบการเปิดเผยข้อมูล และระบบการแก้ไขรัฐวิสาหกิจที่มีปัญหา
4) กำหนดให้มีการจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติโดยมีกระทรวงการคลังเป็นเจ้าของ เพื่อทำหน้าที่บริหารรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นบริษัทจำกัดและบริษัทมหาชนจำกัดที่มีลักษณะการดำเนินการในเชิงพาณิชย์
ทั้งนี้ คนร. ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจฯ จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ รวมทั้ง หารือกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการโอนหุ้นของรัฐวิสาหกิจไปยังบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ และประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจกับสาธารณชนก่อนนำเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
ภายในเดือนกันยายน 2558 ต่อไป ทั้งนี้ การจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติจะไม่ทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ แต่จะเป็นเครื่องมือของรัฐในการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
3. สิทธิประโยชน์คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจและเงินบริจาค และการเปิดเผยข้อมูลของรัฐวิสาหกิจ
ตามที่ คนร. ได้มีมติให้รัฐวิสาหกิจปรับลดสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจและเงินบริจาค และกำหนดให้รัฐวิสาหกิจมีการเปิดเผยข้อมูลให้ได้มาตรฐาน โดยในการประชุมครั้งนี้ คนร. ได้ติดตามผลการดำเนินการตามมติ คนร. ดังกล่าว และ คนร. ได้กำชับให้รัฐวิสาหกิจเร่งลดสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจและเงินบริจาค และเปิดเผยข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ตามมติ คนร. ภายใน 1 เดือน รวมทั้ง ให้รัฐวิสาหกิจ
สร้างการรับรู้ต่อสาธารณะถึงผลงานของรัฐวิสาหกิจตามสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
4. การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link)
คนร. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการซ่อมบำรุงและจัดหาขบวนรถใหม่ เพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการประชาชน และเห็นชอบให้ดำเนินการจัดหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการ Airport Rail Link
ที่จะขยายไปยังสนามบินดอนเมือง ควบคู่กันต่อไป
5. การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานของรัฐวิสาหกิจ
จากที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน คนร. ได้มอบหมายให้ สคร. หารือร่วมกับรัฐวิสาหกิจอื่นๆ เพิ่มเติม ถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเป็นแหล่งลงทุนทางเลือกในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ต่อไป
โดย
นายกุลิศ สมบัติศิริ
ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
ที่มา : กระทรวงการคลัง
ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th