นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงเรื่องปริมาณฝนที่ตกในช่วงนี้ ซึ่งจากที่ได้รับทราบรายงานจากฝ่ายต่าง ๆ พบว่าสถานการณ์ขณะนี้คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนหลักโดยเฉพาะในบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยายังคงต้องอยู่ระหว่างการเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะปริมาณน้ำใช้การได้ยังมีจำนวนไม่มากนัก รวมทั้งต้องมีการติดตามสถานการณ์ของฤดูฝนจากวันนี้จะไปสิ้นสุดเมื่อใด ซึ่งหากฤดูฝนสิ้นสุดเร็วและปริมาณน้ำที่อยู่ในเขื่อนยังมีไม่มากนักก็คงต้องพิจารณาถึงการบริหารจัดการปริมาณน้ำ 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตร ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถนำมาใช้ได้ตลอดช่วงฤดูแล้งของปีหน้า ทั้งนี้ในส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ยืนยันแสดงความมั่นใจว่ามีน้ำเพียงพอสำหรับไว้ใช้ตลอดช่วงฤดูแล้งดังกล่าว โดยทุกภาคส่วนยังคงต้องมีมาตรการในเรื่องของการประหยัดน้ำอยู่
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามถึงเรื่องการสำรวจความสียหายของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำแล้ง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนและรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ เนื่องจากที่ผ่านมีการร้องขอจากรัฐบาลให้เกษตรกรชะลอการปลูกข้าวออกไป และมีเกษตรกรส่วนหนึ่งได้ดำเนินการตามคำร้องขอและคำแนะนำของรัฐบาล ซึ่งตรงนี้เป็นความเร่งด่วนลำดับแรกที่รัฐบาลจะต้องมีมาตรการในการให้ความช่วยเหลือ เพราะถือว่าได้ให้ความร่วมมือตามข้อแนะนำของรัฐบาล สำหรับกรณีที่มีเกษตรกรบางส่วนมีความพยายามที่จะปลูกข้าวในรอบแรกและปรากฏว่ามีบางส่วนได้รับความเสียหาย ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าแม้ในส่วนนี้จะเป็นการปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องกับคำแนะของรัฐบาลในเรื่องของการขอให้ชะลอการปลูกข้าวออกไปก่อน แต่ด้วยความที่เป็นคนไทยก็ต้องให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อย่างไรก็แล้วแต่ให้ถือเป็นลำดับความเร่งด่วนที่ 2 ในการให้ความช่วยเหลือโดยให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องของแต่ละกระทรวงประสานงานบูรณาการกันเพื่อหาคำตอบที่ชัดเจนว่าจะให้ความช่วยเหลืออย่างไร ทั้งในรูปของการสนับสนุนปัจจัยการผลิตของการปลูกในรอบหน้า การสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชสำหรับการปลูกทดแทนข้าวตามรูปแบบการโซนนิ่งพื้นที่การปลูก
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th