นายกรัฐมนตรีรับมอบผลงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ย้ำแผนปฏิรูปจะไม่สูญเปล่า พร้อมส่งให้รัฐบาลชุดใหม่สานต่อ

ข่าวทั่วไป Thursday August 13, 2015 10:07 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิธีส่งมอบผลงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ย้ำแผนปฏิรูปจะไม่สูญเปล่า พร้อมส่งให้รัฐบาลชุดใหม่สานต่อโดยมีกลไกลคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเป็นส่วนสำคัญ

วันนี้ (13 ส.ค.58) เวลา 16.00 น. ณ ห้องคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เอ 2 ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีส่งมอบผลงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ พร้อมให้ข้อคิดและโอวาทแก่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในงาน สปช. รายงานประชาชน (Public Report) เรื่อง “เปลี่ยนประเทศไทย กับ สปช.” (NRC Blueprint for Change) ซึ่งมี นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโน รองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ คนที่ 1 นางสาวทัศนา บุญทอง รองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ คนที่ 2 นายเจร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้การต้อนรับ โดยมี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สภาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารหน่วยงาน นายกสมาคม ผู้แทนจากภาคประชาชน สื่อมวลชน เข้าร่วมงาน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้รับมอบผลงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ จากประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ พร้อมกล่าวให้ข้อคิดและโอวาทแก่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ สรุปสาระสำคัญว่า ที่ผ่านมาประเทศเดินหน้ามาอย่างอิสระมานานพอสมควรตามนโยบายของพรรคการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ดีหมด เพียงแต่ว่าต้องชัดเจนขึ้นในวันนี้ ไม่เช่นนั้นจะติดกับดักของประเทศ กับดักประชาธิปไตย กับดักความยากจน และกับดักตัวเอง โดยการที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เข้ามาทำหน้าที่ ถือเป็นการทำงานร่วมกันได้อย่างดีของทั้งข้าราชการและภาคเอกชน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาประเทศมีปัญหาทับซ้อนกับความขัดแย้งความยากจนมาโดยตลอด หากปล่อยให้เป็นแบบนั้นประเทศจะติดกับดักตนเอง ไม่มีความก้าวหน้า ขณะนี้ต่างประเทศรู้สึกดีกับประเทศไทยโดยยืนยันว่าไม่ได้รังเกียจประเทศไทย และทุกประเทศในอาเซียนให้ความร่วมมือกับไทย ซึ่งขึ้นอยู่กับเราเองจะพิสูจน์ว่าเราจะเดินหน้าประเทศอย่างไรต่อไป

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การปฏิรูปคือการแก้ไข การทำใหม่ แก้ไขข้อบกพร่อง แก้ไขสิ่งที่ทำให้เดินหน้าไม่ได้ คือการแก้ไขสิ่งที่เขามีอยู่แล้วเดิมและทำการปฏิรูปใหม่ และต้องมีการวางแผนรายละเอียดให้ชัดเจนว่าจะแก้ไขอย่างไร และต้องแก้ไขกฎหมายควบคู่ไปด้วย เพื่อจะเดินหน้าประเทศ แต่ละกระทรวงไม่ใช่ทำแค่เฉพาะหน้าที่ของตนเอง แต่ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ซึ่งในระยะแรกเป็นเรื่องยาก เพราะไม่เคยทำมาก่อน ต้องวางแผนว่าวันข้างหน้าหากรัฐบาลใหม่มาก็ต้องเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ อีกทั้งการปฏิรูปต้องใช้ระยะเวลานาน ไม่ใช่ปฏิรูปได้ภายใน 1-2 ปี ทั้งนี้ ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้อ่านรายงานประจำสัปดาห์มาโดยตลอด และพยายามรับฟังเสียงของประชาชนมากที่สุด และหาก สปช.หรือกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.) เกิดความขัดแย้งกันเอง ทุกอย่างจะเดินหน้าไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาเป็นการชี้แจง แสดงความเห็น แต่ประชาชนอาจยังไม่เข้าใจ เพราะคุ้นชินกับนักการเมือง และไม่คุ้นชินกับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้

“การปฏิรูปประเทศคือการแก้ไขแล้วทำใหม่ จะปฏิรูปอะไร ปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปทหาร ปฏิรูป ผมรับได้หมด ตอนนี้ตำรวจเขาทำมาแล้วจะปฏิรูประยะที่ 1 ว่าอย่างไร ผมก็เห็นบางอันตรงกับที่ท่านเสนอมา อันไหนทำได้ทำ ค่อย ๆ ทำไป ที่ผ่านมาผมทำการปฏิรูปในลักษณะเป็นการปฏิรูปเพื่อบริหารราชการแผ่นดินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากเดิมที่ทำอะไรไม่ได้ เพราะทำไม่ได้ ผมทำให้เดินหน้าได้ ที่ติดขัดไป 6-7 เดือนผมทำให้เดินได้ เดินด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม จะมีมากมีน้อยผมไม่รู้ อันไหนปัญหามากมันก็ช้า มันก็ชัดเจนได้ยาก แต่ผมก็พยายามเต็มที่” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า จากผลสำรวจทราบว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการให้ปฏิรูปมากที่สุดคือ เรื่องการเมือง การบริหารราชการ โดยในอนาคต กลไกที่สำคัญ คือ คณะกรรมการยุทธศาตร์ชาติ ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่ในการปฏิรูปให้เป็นไปตามแผน รวมถึงต้องสร้างความปรองดอง เพื่อพิจารณาว่าคนที่เคยทำผิดและได้รับโทษแล้วจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป และต้องขจัดความขัดแย้ง ไม่ทำให้เกิดสถานการณ์ที่รัฐบาลไม่สามารถขับเคลื่อนประเทศได้ โดยการปฏิรูปต้องทำให้ถูกต้อง สนช. ออกเป็นกฎหมายเพื่อให้รัฐบาลเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ชาติ

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวพร้อมรับข้อเสนอการปฏิรูปทั้ง 37 วาระ โดยระยะที่ 1 ได้ดำเนินการแล้ว ระยะที่ 2 ของ คสช. คือปีนี้ถึงปีหน้า เรื่องใดที่ดำเนินการได้ก็จะทำ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้วางแผนการทำงานไว้ถึงเดือนกันยายน 2559 พร้อมกล่าวว่า สิ่งที่ทำวันนี้ทำเพื่อเดินหน้าประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทำเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยคำขวัญของนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เด็กจนโตมีอยู่คำขวัญเดียวคือเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน และมีวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยจะลดความเหลื่อมล้ำให้เกิดความเป็นธรรมอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าประวัติศาสตร์เกิดขึ้นด้วยสองมือของพวกเรา ขอให้มั่นใจว่า แผนการปฏิรูปจะไม่สูญเปล่า เพราะรัฐบาลชุดต่อไปจะต้องสานต่อ โดยมีกลไกลของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งเชื่อว่าหากสามารถเดินหน้าปฏิรูปในระยะ 5 ปีแรก จะทำให้การปฏิรูปในระยะยาวเดินต่อได้ แต่จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับกลไกลตามรัฐธรรมนูญและความร่วมมือของทุกคน และสิ่งที่ กมธ. สปช. สนช. ร่วมมือกันทำมาคือผลงาน โดยหลังจากกันยายน 2559 ถ้าเลือกตั้งได้ รัฐบาลใหม่ก็จะรับไป ทั้งนี้ คนไทยทุกคนต้องกำหนดอนาคตของประเทศไทยด้วยตัวเอง ว่าจะกลับไปความขัดแย้งแบบเดิมหรือไม่ โดยขอให้ประชาชนร่วมกับรัฐบาล คสช. สปช. สนช. เพื่อสร้างอนาคตให้กับลูกหลาน จะไม่มีใครมาปฏิวัติอีก ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย และขอให้ทุกคนไว้เนื้อเชื่อใจว่านายกรัฐมนตรีไม่ต้องการผลประโยชน์ใด

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ