โฆษกรัฐบาลเผยนายกรัฐมนตรีปรับคณะรัฐมนตรีเป็นไปตามสถานการณ์ที่เหมาะสม ยึดผลประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นที่ตั้ง

นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะมีทั้งการปรับและการเปลี่ยน ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี ได้ทำงานร่วมกันมาระยะหนึ่งโดยการปรับเป็นการดำเนินการไปตามข้อมูลและสถานการณ์ที่เหมาะสม ไม่ได้ปรับไปตามกระแสวิพากษ์วิจารณ์หรือกระแสที่เป็นข่าวลือแต่อย่างใด โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ายังมีความเป็นมิตรไมตรีและมีความรักเคารพในรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทุกคนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาซึ่งทุกคนได้เสียสละทำงานเพื่อชาติร่วมกัน ขณะเดียวกันก็มั่นใจรัฐมนตรีที่ถูกปรับเปลี่ยนเข้าใจว่าสิ่งต่าง ๆ ที่นายกรัฐมนตรีได้ตกลงใจนั้น ได้ดำเนินการเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีที่ได้มีการปรับเปลี่ยนนั้นจะเรียนเชิญมาเป็นที่ปรึกษาเพื่อขอความคิดเห็นและรับคำแนะนำ โดยจะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้และต้องฝ่าฟันวิกฤตในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องการให้ความสำคัญกับสถานการณ์น้ำว่า แม้ปัจจุบันจะมีฝนตกลงมาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่จากการพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า พายุโซนร้อนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่น่าจะมีผลกระทบเนื่องจากฝนตกปริมาณน้อยลงซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินการทางด้านการเกษตรและการใช้ชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกข้าวในวงรอบที่ 2 หรือข้าวนาปรังในวงรอบต่อไป ซึ่งตัวเลขปริมาณฝนสะสมขณะนี้มีประมาณ 15 -16 เปอร์เซ็นต์ โดยมีเพียงพื้นที่ภาคใต้เท่านั้นที่มีฝนตกปกติ ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือมีปริมาณฝนที่ลดลงกว่าเดิมมาก ขณะนี้มีน้ำใช้การได้ประมาณ 22 เปอร์เซ็นต์ มีน้ำไหลลงอ่าง 1,785 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่มีปริมาณใช้การได้ 1,300 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นและเชื่อฟังคำเตือนของเจ้าหน้าที่ของรัฐในเรื่องการบริหารจัดการน้ำและการใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้สามารถผ่านพ้นฤดูแล้งที่จะมาถึงในปีหน้าไปให้ได้แม้ว่าอาจจะมีฝนตกลงมาในบางช่วงก็ตาม แต่ปริมาณฝนก็ยังมีน้อยลง จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกฝ่ายทั้งในพื้นที่ส่วนภูมิภาค กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และเกษตรกร ใช้น้ำอย่างประหยัดคุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุด

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวมาตรการที่จะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องมาตรฐานการบินขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) การต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย หรือ IUU จะต้องดำเนินการไปตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ เพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศต่าง ๆ ทำให้ประเทศไทยสามารถที่จะใช้ทรัพยากรและไม่เกิดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่จะตามในอนาคต

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th