พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวในโอกาสประชุมกระทรวงแรงงานว่า กระทรวงแรงงาน ได้ดำเนินการจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงานประเทศไทยกับกระทรวงแรงงานประเทศเวียดนาม (MOU) ซึ่งได้มีการลงนามไปเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของกระทรวงแรงงานที่นำภารกิจด้านแรงงานเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMTV ได้ตกลงการร่วมมือเรื่องการพัฒนาร่วมกันในการส่งออกและนำเข้าแรงงานให้มีความถูกต้องในอนาคต การนำเข้าแรงงานเวียดนามในสาขาที่ต้องการคือ สาขาก่อสร้างและภาคประมง และความร่วมมือวิชาการด้านแรงงานที่จะมีการแลกเปลี่ยนกัน รวมถึงการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานที่ต่อไปจะมีความสำคัญยิ่งขึ้น ส่วนความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. .... ขณะนี้ได้ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ จะช่วยดูแลและคุ้มครองคนประจำเรือในเรื่องของข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำในการทำงานบนเรือของคนประจำเรือ ทำให้คนทำงานได้รับการดูแลตามมาตรฐานสากล ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามมาตรฐานการคุ้มครองทางทะเลคือ อนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๔๙ (MLC ๒๐๐๖) ถือเป็นการรับรองให้แก่เรือขนส่งทางทะเลที่ชักธงไทย ซึ่งจะทำให้ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของประเทศที่ออกกฎหมายฉบับนี้ สำหรับความคืบหน้าด้านการพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ อาทิ เศรษฐกิจดิจิตอล (Economy Digital) อุตสาหกรรมทันสมัย (Modern Industry) การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนทั้ง ๒ เฟส รวม ๑๐ พื้นที่ และเขตพัฒนาเศรษฐกิจเฉพาะทาง กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการสนับสนุนความต้องการใช้แรงงานทั้งด้านปริมาณและคุณภาพผ่านมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว การพัฒนาและยกระดับฝีมือแรงงาน การออกฎหมายดูแลสิทธิแรงงาน และการประกันสังคม เป็นต้น
นอกจากนี้กระทรวงแรงงานมีความพร้อมในการดำเนินการจัดทำคู่มือแนวทางการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เพื่อขจัดความล่าช้า สิ้นเปลือง และยุ่งยากในกระบวนการต่างๆ ที่ประชาชนต้องมาติดต่อกับส่วนราชการ รวมถึงขจัดปัญหาการทุจริตหรือการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ หรือในบางครั้งไม่ได้ก่อให้เกิดการทุจริต แต่กลับมีผลต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เมื่อเห็นความไม่สะดวก จึงตัดสินใจเปลี่ยนฐานการลงทุนไปประเทศเพื่อนบ้านแทน ทำให้ศักยภาพการแข่งขันและโอกาสการลงทุนของประเทศไทยหมดไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th