พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีที่ได้มีโอกาสพบในวันนี้ พร้อมขอบคุณสำหรับความร่วมมือในการกระชับความสัมพันธ์ไทย–โปรตุเกสให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
ไทยและโปรตุเกสมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานกว่า 504 ปี โดยเมื่อปี 2554 มีการจัดกิจกรรมฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 500 ปีที่สำคัญ คือการมอบศาลาไทยให้แก่รัฐบาลโปรตุเกส โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เป็นประธานมอบ ซึ่งถือเป็นหลักสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคี
ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากการทำงานของเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปรตุเกสประจำประเทศไทย ทำให้ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศมีพลวัตมากขึ้น เช่น ด้านการลงทุนของบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์แห่งแรกที่ จ. เชียงใหม่ และการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสระหว่างกระทรวงการต่างประเทศไทย–โปรตุเกส ครั้งที่ 1 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
อีกทั้งในปลายปี 2558 อาเซียนจะมีการรวมตัวกันเป็นประชาคม ซึ่งจะทำให้ตลาดมีขนาดใหญ่ขึ้น รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการจัดตั้ง IHQ ITC และนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการพัฒนาความร่วมมือทวิภาคีไทย-โปรตุเกส
นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตฯเห็นพ้องว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการปกป้องและส่งเสริมนโยบายด้านมรดกวัฒนธรรมและพิพิธภัณฑ์สถานระหว่างไทย – โปรตุเกส จะเป็นพื้นฐานสำคัญและเป็นกรอบความร่วมมือในการส่งเสริมกิจกรรมด้านวัฒนธรรมระหว่างกัน
ทั้งนี้ไทยและโปรตุเกสเห็นประโยชน์ของการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา และยินดีที่มหาวิทยาลัยไทยและมหาวิทยาลัยของโปรตุเกสหลายแห่งได้จัดทำความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนนักศึกษา การร่วมวิจัย เป็นต้น
ในตอนท้าย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปรตุเกสประจำประเทศไทยกล่าวว่า รัฐบาลโปรตุเกสมีความเข้าใจถึงการเข้ามาของรัฐบาลอย่างเต็มที่และติดตามพัฒนาการทางการเมืองของไทยมาโดยตลอดเนื่องจากในอดีต โปรตุเกสเคยเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับประเทศไทยมาก่อน และหวังว่าสถานการณ์ในประเทศไทยจะกลับสู่ปกติได้โดยเร็ว
กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ / สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th