วันนี้ (19 สิงหาคม 2558) เวลา 12.20 ณ สวนสนประดิพัทธ์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นที่น่ายินดี เป็นวันที่ศักดิ์สิทธิ์ได้มาทำพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม ซึ่งเป็นผู้มีบุญคุณอันประเสริฐต่อประเทศไทย ที่ได้ทำหน้าที่ปกปักรักษาบ้านเมืองจนทำให้คนไทยมีชีวิต ที่อยู่อาศัย ที่ทำกินจนถึงทุกวันนี้ วันนี้หวังว่าคนไทยทุกคนจะร่วมกันตั้งจิตอธิฐานขอให้บ้านเมืองมีความปลอดภัยเดินหน้าไปอย่างมีอนาคต แม้จะมีภัยอันตรายใด ๆ แต่ก็ถือเป็นบทเรียน และวิกฤติที่ต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่ร่วมกับเหตุการณ์เหล่านี้ได้อย่างไร ที่สำคัญคือจะทำอย่างไรไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก ทุกอย่างคือการเปลี่ยนแปลง และมองว่าคนสมัยนี้ขาดศิลธรรม ขาดคุณธรรม กระทำไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะเกิดความเสียหาย ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นผู้หวังดีต่อชาติและบ้านเมืองจึงต้องมาคิดใหม่ว่าจะอยู่กับสถานการณ์ลักษณะนี้ได้อย่างไร และจะเห็นว่าสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกแห่งทั่วโลก พร้อมจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ในส่วนของประเทศไทยยังไม่เคยเกิดเหตุรุนแรงแบบนี้จึงหวังอย่างยิ่งว่าทุกคนจะช่วยกันดูแลและคิดว่าไม่ใช่ความบกพร่องของใคร
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า บางเรื่องมันเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีคนหมู่มากอยู่ ไม่ได้จะบอกว่าทุกคนต้องอยู่แต่ในบ้าน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ถ้าเราช่วยกันดูแลช่วยกันแจ้งเบาะแสคิดว่าคนไม่ดีก็ไม่กล้าทำอะไร แต่ส่วนใหญ่เรามักจะเห็นแล้วบอกว่าช่างเถอะ เห็นสิ่งผิดปกติทิ้งอยู่ก็ไม่ค่อยแจ้ง ถ้าเห็นของเหล่านี้ก็ควรรีบกระจายตัวออกไปแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปตรวจสอบเหตุการณ์ร้าย ๆ ถึงจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเห็นว่ามีคนน่าสงสัยแต่งตัว พรางหน้าพรางตา ใส่แว่นตาดำ ขอให้ช่วยสังเกต และขอให้ทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นตาอย่าให้เหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดขึ้นอีก
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับคดีความต่าง ๆ มีความคืบหน้าตามลำดับ จากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปสอบสวนแบบไทย และแบบที่เป็นมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็นการสอบจากกล้องวงจรปิด ได้เห็นความเคลื่อนไหวของผู้ก่อเหตุหรือผู้ต้องสงสัย แต่วันนี้ไม่ต้องการให้ลงลึกในรายละเอียดมากเพราะจะทำให้รูปคดีเกิดความเสียหายทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามดำเนินคดีได้ยาก นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงว่าคนที่มาวางระเบิดนั้นจะถูกฆ่า เพราะเป็นเป้าหมายที่จะต้องสืบสวนและจับกุมให้ได้ ดังนั้น จึงมีผลกับผู้ก่อเหตุ จึงอยากจะบอกกับผู้ก่อเหตุว่าถ้าต้องการปลอดภัยให้กลับมาหาเจ้าหน้าที่โดยเจ้าหน้าที่จะหาวิธีการทางกฎหมายให้เกิดความปลอดภัยซึ่งดีกว่าการหลบ ๆ ซ่อน ๆ ทำให้มีชีวิตอยู่ได้ยากเพราะจะมีการฆ่าปิดปากก็อาจจะเป็นได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าทั้งสองกรณีที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ได้รายงานว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นการตั้งสันนิษฐานเฉย ๆ เพราะต้องดูลักษณะของระเบิด ซากชิ้นส่วนเหล่านี้เป็นชนิดเดียวกันหรือเปล่า ถ้าเป็นชนิดเดียวกันก็จะโยงซึ่งกันและกัน ยิ่งทำมากก็ยิ่งจะพิสูจน์ได้ง่ายขึ้น เพราะคนจะเยอะขึ้น คนที่เป็นเป้าหมายเราจะต้องหาคนเหล่านี้ให้เจอ
“อยากจะฝากบอกใครที่อยู่ใกล้ๆ ผู้ต้องสงสัยให้รีบมาพบเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นพวกเดียวกันหรือคนละพวกก็แล้วแต่ ผมคิดว่าเขาน่าจะอันตราย” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าผู้ก่อเหตุถูกจ้างวานมาใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ใช่ ต้องเป็นการจ้างอยู่แล้ว ใครจะไปคิดเอง ทำเอง ต้องจ้างมา สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือไม่ใช่คนก่อเหตุทำระเบิดเองหรือมาวางเอง ด้วยจุดประสงค์ส่วนตัว ต้องมีการจ้างวานทั้งสิ้น เพราะเขาไม่สามารถที่จะไปหาวัตถุเหล่านี้มาด้วยตัวเองอยู่แล้ว เพราะมันอันตรายผิดกฎหมาย
“ผมอยากขอร้อง อะไรก็ตามที่จะทำให้สถานการณ์มันแย่ลง ผมว่าเสนอข่าวให้มันเบา ๆ ลงหน่อย นี่หล่ะคือสิ่งที่จะช่วยเรา หากท่านขยายไปเรื่อยทุกวันสิ่งที่ควรจะจบและเบาลง ก็จะไม่เบา ต้องปล่อยให้เข้าหน้าที่เขาทำงาน วันนี้เสนอแค่นี้มีความคืบหน้าแค่นี้ วันต่อไปก็ว่ากัน ต้องถามเจ้าหน้าที่เขา ซึ่งขึ้นอยู่ว่าโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขาจะสามารถให้ข่าวได้แค่ไหน เขาแค่รายงานให้ผมทราบมันมีขั้นตอนการทำงานอยู่ ฉะนั้น เรื่องคดีความผมคิดว่า ถามโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงความก้าวหน้าดีกว่า เขาพอตอบได้ก็คงตอบ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ต้องเปลี่ยนใหม่ ต้องมีรูปแบบการบริหารพื้นที่เกิดเหตุจะต้องกันให้ได้ ไม่เช่นนั้น คนเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุจำนวนมาก หลักฐานก็จะหาย และภาพที่ไม่ควรออก ก็จะออกมา ภาพคนเจ็บคนเสียชีวิต ผมถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ญาติพี่น้องเขาก็ไม่สบายใจ ไม่มีความสุข อีกประการคือเป็นห่วงคนที่เข้าไปบริเวณใกล้ ๆ ที่เกิดเหตุ ไม่รู้หรอกว่ามันอันตรายแค่ไหน ถ้ามีเหตุการณ์ระเบิดลูกที่สองจะมีการสูญเสีย และมีผู้บาดเจ็บมากกว่านี้
ที่มา: http://www.thaigov.go.th