"อย่างไรก็ตามท่านนายกฯ ยังมีความเป็นห่วงในเรื่องการนำเงินไปใช้ที่อาจไม่ก่อให้เกิดความยั่งยืน และสร้างภาระในการหาเงินมาชำระคืนกองทุน เช่น ใช้จ่ายซื้อสินค้าของใช้ฟุ่มเฟือย จึงอยากให้พี่น้องประชาชนวางแผนการใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นอกจากนี้กรรมการหมู่บ้านยังเป็นกลไกที่สำคัญ เพื่อให้กองทุนมีความยั่งยืนและเกิดประโยชน์ในการพัฒนา หากคณะกรรมการหมู่บ้านซึ่งดูแลกองทุนฯ มีความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ ยึดมั่นในหลักการเพื่อส่วนรวม เชื่อว่าทุกกองทุนจะเป็นส่วนเสริมเศรษฐกิจให้แข็งแรงในระดับชุมชนได้"
พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้หน่วยงานภาครัฐที่มีโครงการจ้างงานในพื้นที่ อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งการจ้างงานเพื่อเดินหน้าโครงการต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม อย่าเพียงจ้างงานแล้วจบกัน ควรมีการถ่ายทอดเทคนิคยกระดับฝีมือการทำงาน ให้เป็นผู้มีทักษะที่จะประกอบอาชีพได้ด้วยตนเองต่อไปในอนาคต
"หากมองเป็นภาพรวม จะเห็นว่าการจ้างงานภาครัฐนอกจากจะทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชนแล้ว ยังสร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชนในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งหากใช้โอกาสนี้ฝึกฝนฝีมือ เมื่อจบโครงการจ้างงาน ก็อาจจะไปกู้ยืมเงินจากกองทุนหมู่บ้านฯ มาเป็นทุนประกอบอาชีพตามระดับความสามารถของแต่ละท่าน ทั้งนี้ หากยังไม่เกิดความมั่นใจก็สามารถเข้าอบรมฝีมือแรงงานได้อีก ซึ่งกระทรวงแรงงานเปิดอบรมตลอดทั้งปี ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันเศรษฐกิจในประเทศได้เป็นอย่างดี
พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ท่านนายกฯ ยังได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์ และพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศติดตามตรวจสอบราคาสินค้าที่จำเป็นสำหรับการอุปโภคบริโภคของพี่น้องประชาชนเพื่อไม่ให้ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า ทั้ง ๆ ที่ราคาเชื้อเพลิงภาคขนส่งลดลงอย่างต่อเนื่อง หากพบผู้ฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย รวมทั้งเป็นพฤติกรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนซึ่งขัดกับประกาศ คสช. อย่างชัดเจน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th