นายกิตติ สุทธิสัมพันธ์ นายด่านศุลกากรแม่สอดกล่าวรายงานผลการดำเนินงานว่า ด่านศุลกากรแม่สอด จังหวัดตาก ได้ดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตาก และบริเวณใกล้เคียงให้มีคุณภาพที่ดีสามารถเชื่อมโยงเครือข่ายหลักของประเทศ ซึ่งดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาด่านศุลกากร และจุดผ่านแดนให้เกิดความสะดวกได้มาตรฐานสากล รวมถึงแนวทางการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการผ่านแดนบริเวณด่านศุลกากร โดยบริหารจัดการให้เกิดความสะดวกในการขนส่งสินค้าและการสัญจรของคนข้ามพรมแดน ดำเนินการตามแนวทางการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและแนวทางการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากให้มีความสอดคล้องกับศักยภาพขีดความสามารถในการรองรับของพื้นที่ และความต้องการของประชาชนรวมถึงพัฒนาการจัดทำแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่าง ๆ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากเพิ่มเติม
ทั้งนี้ เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญในการเป็นเมืองหน้าด่านการค้าขายชายแดนที่มีศักยภาพ และเป็นประตูการค้าเชื่อมสู่เศรษฐกิจการค้า การลงทุนในภูมิภาคที่เชื่อมโยงเส้นทางในพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตก (East – West Economic Corridor) กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงเพื่อรองรับระเบียงเศรษฐกิจตะวันตก – ตะวันออก (East – West Economic Corridor) ในการเชื่อมโยงเส้นทางการคมนาคม และขนส่งระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สามารถรองรับการจราจรที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรถึงการใช้งานด่านพรมแดนแม่สอดแห่งนี้ว่า ต่างจากการใช้งานของด่านพรมแดนแม่สอดแห่งใหม่ที่จะสร้างขึ้นใหม่บริเวณสะพานมิตรไทย - เมียนมาร์แห่งที่ 2 อย่างไร เนื่องจากห่างจากจุดนี้ไป 5 กิโลเมตรและอยู่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยได้รับคำชี้แจงว่า สำหรับด่านแห่งใหม่นั้นจะใช้งานเรื่องการขนส่ง ประเภทรถบรรทุกขนาดใหญ่ ส่วนด่านพรมแดนแห่งนี้จะใช้สำหรับผู้คนที่สัญจรไปมา เข้า - ออกเท่านั้นเพื่อส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมถึงการบริหารจัดการและการปรับปรุงภูมิทัศน์ ซึ่งมีการพัฒนาและสวยงามกว่าเดิมจากที่เคยเดินทางมาเมื่อสมัยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางมาเยี่ยมชมนิคมสหกรณ์แม่สอด จำกัด ซึ่งเป็นสหกรณ์ต้นแบบในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสังคมโดยวิธีการสหกรณ์ และสามารถเชื่อมโยงกับขบวนการสหกรณ์กับประเทศเมียนมา ภายใต้ความสัมพันธ์ในลักษณะบ้านพี่เมืองน้อง (Sister city) และสามารถช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม ให้กับชุมชนในเขตนิคมสหกรณ์แม่สอด และอำเภอใกล้เคียง ทั้งทางตรงและทางอ้อม พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการต่างๆ โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสนใจ และซักถามถึงระบบส่งน้ำในระบบชลประทาน เพื่อป้องกันน้ำท่วมในอนาคต และสอบถามราคาข้าวและสินค้าเกษตรในขณะนี้ หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เดินทางกลับมายังศูนย์การแสดงสินค้าและศูนย์ประชุมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เทศบาลนครแม่สอดเพื่อพบปะประชาชนที่มาให้การต้อนรับ
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ชมพูนุท / รายงาน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th