นายกรัฐมนตรีพบปะประชาชน จ.ตาก โดยขอให้ชาวจังหวัดตากร่วมกันขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษตากให้เป็นรูปธรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตและรายได้

ข่าวทั่วไป Wednesday September 2, 2015 11:49 —สำนักโฆษก

วันนี้ (2ก.ย.58) เวลา 15.00 น. ศูนย์การแสดงสินค้าและศูนย์ประชุมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เทศบาลนครแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ประกอบด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ม พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยกว่าการกระทรวงการคลัง นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พลเอก วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และพลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้พบปะประชาชนในพื้นที่เพื่อชี้แจงนโยบายและแนวทางการดำเนินงานการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษในโอกาสเดินทางไปปฏิบัติราชการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก โดยมีหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มผู้ดูแลป่าชุมชนในพื้นที่ 9 อำเภอ (อ.อุ้มผาง อ.วังเจ้า อ.สามเงา อ.เมือง อ.บ้านตาก อ.แม่ระมาด อ.แม่สอด อ.พบพระ อ.ท่าสองยาง) ข้าราชการในพื้นที่จังหวัดตาก เข้าร่วมด้วย จำนวน 1,200 คน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความดีใจที่ได้มีโอกาสมาพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนชาวจังหวัดตากอีกครั้งหนึ่ง และมาติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ในการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก โดยขอยืนยันการที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เดินทางมาติดตามการดำเนินงานการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากในครั้งนี้ก็เพื่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดตากทั้งสิ้น และดำเนินการทุกอย่างคำนึกถึงผลประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่เป็นลำดับแรก ก่อนเปิดโอกาสประชาชนนอกพื้นที่และจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนตามลำดับ รวมทั้งจังหวัดได้สำรวจและรวบรวมข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจากพื้นที่ดังกล่าว เพื่อรัฐบาลได้วางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ตลอดจนมีการพิจารณาในเรื่องของสิทธิประโยชน์ในการรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่ง และได้ให้กรมการบินพลเรือนขยายสนามบินแม่สอด เพื่อให้มีความปลอดภัยตามมาตรฐานการบินและรองรับการคมนาคมที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างไทยและเมียนมาจะช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว การค้า การลงทุนในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมของประเทศ นอกจากนี้ ยังได้ขยายเวลาการเปิด-ปิด จุดผ่านแดนถาวร ซึ่งทางฝ่ายความมั่นคงจะต้องมีการเตรียมความพร้อมทางด้านเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอต่อการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงจังหวัดได้จัดตั้ง “สำนักงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก” เพื่ออำนวยความสะดวกด้านพิธีการและข้อมูลข่าวสารต่างๆ แก่นักลงทุนและผู้ที่สนใจ ทั้งนี้ การพัฒนาของประชาคมโลกและอาเซียนปัจจุบันต้องมีการเชื่อมโยงสอดประสานกันในด้านต่าง ๆ ทั้งการคมนาคม เศรษฐกิจที่ยั่งยืน เพื่อจะนำไปสู่การเป็นเศรษฐกิจเดียวกันในอาเซียน โดยประเทศไทยและประเทศในอาเซียนได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดตาก (อ,แม่สอด อ.พบพระ และอ.แม่ระมาด) ถือเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมและมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อรองรับการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างชายแดน ดังนั้นจึงต้องเร่งรัดให้เกิดขึ้นโดยเร็วก่อน เพื่อจะได้เป็นต้นแบบและแนวทางในการที่จะพัฒนาและขับเคลื่อนในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งระยะแรกให้ความสำคัญกับด่านการค้าชายแดน 6 ด่าน (ปาดังเบซาร์ สะเดา อรัญประเทศ แม่สอด บ้านคลองลึก และบ้านคลองใหญ่) โดยพื้นที่จังหวัดตากมีความสำคัญระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาและมีกิจกรรมทางการค้าระหว่างชายแดนที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นต้องเร่งพัฒนาตรงนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและเชื่อมโยงเศรษฐกิจจากภูมิภาคอาเซียนไปยังยุโรปกลายเป็นเศรษฐกิจที่ไร้พรมแดน ทำให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และมีรายได้จากการส่งออกเข้าประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกันสร้างความมีเสถียรภาพ และความมั่นคงให้ประเทศชาติ ทั้งประชาชน ดินแดน กฎหมาย ซึ่งรัฐบาลชุดนี้เข้ามาสามารถผลักดันกฎหมายออกมาได้เป็นผลสำเร็จ จำนวน 300 กว่าฉบับ เช่น พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 โดยมุ่งหวังให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้และเกิดประโยชน์ต่อประชาชนเป็นสำคัญ

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความมั่นคงมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจที่สุด เพราะความมั่นคงเป็นบ่อเกิดของเศรษฐกิจและสังคมที่ดี ตลอดจนการพัฒนาประเทศ เนื่องจากจะทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนและนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่หากบ้านเมืองไม่สงบมีความขัดแย้งและต่อสู้กันก็จะทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือประชาชนทุกคนอย่าเข้าร่วมกับบุคคลที่จะนำพาประเทศไปสู่ความขัดแย้งอีกเลย เพราะวันนี้นายกรัฐมนตรี รัฐบาล และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนพยายามที่จะเดินหน้าประเทศต่อไปให้ได้ และยืนยันการที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศก็เพื่อยุติปัญหาและความรุนแรงที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เพื่อทำให้ประเทศสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการได้ในขณะนั้น อย่างไรก็ตามยืนยันต้องการให้ประชาธิปไตยของประเทศก้าวหน้าอย่างแท้จริง โดยหลายเรื่องต้องมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งในเรื่องของการทำงาน และต้องมีการบูรณาการประสานงานระหว่างกันอย่างใกล้ชิด จึงอยากให้ประชาชนได้มีการบูรณาการประสานงานกัน โดยทุกคนต้องมาร่วมกันในการแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก และให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ