วันนี้ (7 ก.ย.58) เวลา 13.30 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ 3/2558 โดยมี พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ซึ่งภายหลังการประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนางระวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แถลงผลการะชุม สรุปสาระสำคัญดังนี้
พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การจัดสรรที่ดินของรัฐให้กับประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกิน แบ่งเป็นพื้นที่เสื่อมโทรมและพื้นที่ สปก. ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีนโยบายว่าทำอย่างไรให้ประชาชนคนยากจนได้มีที่ที่อยู่อาศัยและมีที่ดินทำกิน โดยเมื่อย้ายให้ประชาชนเข้ามาในพื้นที่ที่จัดสรรให้แล้วในระยะเริ่มต้น เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องจัดพื้นที่อำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนด้วยทั้งถนน ไฟฟ้า น้ำประปา รวมทั้งการส่งเสริมอาชีพให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ และในระหว่างที่พืชผลกำลังเจริญเติบโตเพื่อเก็บผลผลิตมาเป็นรายได้ จะต้องหาทางเข้าไปช่วยเหลือประชาชนด้วย ซึ่งที่ประชุมมอบหมายกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย ได้ช่วยกันดูแล
พลเอก สุรศักดิ์ กล่าวว่าที่ประชุม คทช. มีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบูรณาการกฎหมายการบริหารจัดการที่ดิน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เพื่อบูรณาการการทำงานของหน่วยงานและบูรณาการงานด้านกฎหมายเข้าด้วยกัน ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากที่ทำกินมีอยู่ในหลายพื้นที่ในความรับผิดชอบของหลายกระทรวง และมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรที่ดินให้ประชาชนอยู่ประมาณ 20 ฉบับ พร้อมอนุมัติแต่งตั้งอนุกรรมการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการทำงาน ที่มีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ เพื่อให้รู้ว่าการในการจัดสรรที่ดินให้กับประชาชนได้เข้าไปอยู่พื้นที่ สุดท้ายแล้วประชาชนจะสามารถมีผลผลิต มีรายได้ขึ้นมาจำนวนเท่าไร พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนไปพิจารณาจัดตั้งคณะทำงานบริหารความขัดแย้งโดยสันติวิธี หรือคณะทำงานเสริมสร้างความเข้าใจ เพื่อดูแลแก้ไขในเรื่องการจัดสรรพื้นที่ใด ๆ ในประเทศที่จะมีข้อขัดแย้งของผู้ที่บุกรุกอยู่ก่อน หรือผู้ที่ได้รับการจัดสรรเข้าไปใหม่ หรือผู้มีอิทธิพลที่เข้ารุกในพื้นที่ ทั้งนี้ การจัดสรรที่ดินให้กับพี่น้องประชาชนเป็นความปรารถนาดีของรัฐบาล ที่นายกรัฐมนตรีมีความมุ่งมั่นในเรื่องนี้มากและได้เน้นย้ำว่าเมื่อมีความขัดแย้งเกิดในพื้นที่จะต้องหาทางแก้ไขให้เกิดสันติวิธี นอกจากนี้ ในเรื่องไฟฟ้าสำหรับประชาชนในพื้นที่ชนบทห่างไกล และเสาไฟฟ้าไปไม่ถึง นายกรัฐมนตรีให้นโยบายว่าขอให้ใช้พลังงานทดแทนรูปแบบอื่น เช่น โซล่าร์เซลล์ พลังน้ำ หรือพลังลมที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่
ด้าน นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การดำเนินการจัดสรรที่ดินในระยะที่แรก ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายในการมอบที่ดินไว้คือที่จังหวัดเชียงใหม่ นครพนม มุกดาหาร และชุมพร ซึ่งลักษณะของการจัดที่ดินคือถ้าเป็นพื้นที่ป่าสงวนจะขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ขออนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ เมื่อการพิจารณาอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่เสร็จแล้วจะส่งมอบพื้นที่ให้จังหวัด แล้วคณะกรรมการจัดที่ดินระดับจังหวัดจะไปพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติของราษฎรที่เข้าร่วมโครงการว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน เป็นผู้ที่ยากจน มีรายได้ และเมื่อเข้าทำกินจะได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่อย่างไร จากนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะช่วยส่งเสริมเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ พัฒนาอาชีพ การแปรรูป การตลาด การกระจายผลผลิต ซึ่งเป็นกระบวนการที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องของ และต่อจากนี้ไปจะมีการดำเนินการระยะยาวในการปรับปรุงระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน และทบทวนข้อกฎหมายเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
นายเกษมสันต์ กล่าวว่า ในเรื่องการจัดสรรที่ดินกรณีที่เป็นลักษณะแปลงที่ดิน นายกรัฐมนตรีได้ให้ตัวอย่างว่า จะให้ทบทวนให้มีการกระจายตัวไปครบทุกพื้นที่ทุกภาค ซึ่งพื้นที่จะมีหลายลักษณะ ทั้งป่าสงวน ป่าชายเลนที่มีการบุกรุกแผ้วถางอยู่แล้ว โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะนำมาดำเนินการจำแนกพื้นที่ การขออนุญาต การจัดคนลง และการส่งเสริมอาชีพ ซึ่งที่ประชุม คทช. วันนี้มีมติเห็นชอบจัดสรรพื้นที่ป่าชายเลนรวม 27,000 ไร่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2534 ที่กำหนดให้ชะลอการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนออกไป และจะยื่นขออนุญาตตามมาตรา 19 ของพระราชบัญญัติทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการใช้พื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะทำให้นโยบายการจัดที่ดินของรัฐบาลเดินหน้าไปได้
นอกจากนี้ นางระวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีมีข้อกังวลในเรื่องที่อยู่อาศัย จึงเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดหาที่อยู่อาศัยให้คนยากไร้ เพิ่มเติมขึ้นอีก 1 ชุดภายใน คทช. เพื่อดูแลเรื่องที่อยู่อาศัยให้กับคนยากไร้ แต่จำนวนที่ดินอาจจะน้อยกว่าการจัดสรรเพื่อการทำกิน เพื่อให้การทำงานมีความครบถ้วนในทุกมิติ
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th