วันนี้ (9 กันยายน 2558) เวลา 11.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 จัดโดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง โดยมีนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่จากกรมบัญชีกลาง ส่วนราชการและมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวรายงานว่า กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้จัดงานมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการ คลังภาครัฐ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานของส่วนราชการให้มีความเข็มแข็ง ได้มาตรฐาน โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทย โดยในปีนี้มีส่วนราชการได้รับรางวัล จำนวน 28 หน่วยงาน จากส่วนราชการระดับกรมและมหาวิทยาลัย จำนวน 223 หน่วยงาน แบ่งเป็น 34 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศด้านการเงินการคลัง ประเภทดีเด่น สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ประเภทดี สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านการจัดซื้อจัดจ้าง ประเภทดีเด่น ได้แก่ 1. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2. กรมการปกครอง และ 3. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านการเบิกจ่าย ประเภทดีเลิศ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์
ประเภทดีเด่น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านการบัญชีภาครัฐ ประเภทดีเด่น ได้แก่ 1. กรมโรงงานอุตสาหกรรม 2. กรมหม่อนไหม 3. มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม 4. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 5. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ 6. กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านการตรวจสอบภายในภาครัฐ ประเภทดีเลิศ ได้แก่ กองทัพบก และ กองทัพอากาศ ประเภทดีเด่น ได้แก่ กองบัญชาการกองทัพไทย และ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านปลอดความรับผิดทางละเมิด ประเภทดีเลิศ ได้แก่ 1. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 2. สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย และ 3. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ประเภทดีเด่น ได้แก่ 1. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี 2. กรมการข้าว 3. กรมควบคุมโรค และ 4. มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบโล่รางวัลแก่องค์กรที่มีความเป็นเลิศ ฯ จำนวน 34 ราย พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลการบริหารจัดการด้านการเงิน การคลัง ซึ่งเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนความสามารถในการขับเคลื่อนการบริหารงบประมาณของประเทศของหน่วยงานภาครัฐ ที่สามารถบริหารจัดการด้านการเงินการคลังอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อจะส่งผลให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจในการใช้จ่ายเงินงบประมาณภาครัฐ อีกทั้ง ต้องสร้างความเข้มแข็งในองค์กรและหน่วยงานของตนเองขึ้นมาให้ได้ และสร้างกฎ มีความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ดังนั้น ขอให้หน่วยงานต่างๆ ตั้งใจปฏิบัติงานด้านการบริหารงบประมาณอย่างมีธรรมาภิบาล มีคุณภาพ มาตรฐาน รวมทั้งสามารถที่จะพัฒนาการดำเนินการด้านการเงินการคลังที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และตอบสนองต่อภารกิจหลักของหน่วยงานตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลได้เร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ จะเห็นได้จากงบประมาณในการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งยังมีปัญหาเรื่องการเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ แต่ยังติดขัดด้วยกฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ มากมาย ดังนั้น ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันที่จะทำอย่างไรให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณที่เร็วขึ้น ไม่มีการทุจริตและไม่ทำให้ระบบการบริหารราชการแผ่นดินเสียหาย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้ปรับรูปแบบในการบริหารราชการแผ่นดินใหม่ โดยรัฐบาลจะเป็นผู้อำนวยความสะดวก ลดขั้นตอน และเริ่มต้นให้ ซึ่งภาครัฐกับภาคเอกชนจะต้องทำงานคู่ขนานด้วยกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลมีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองให้ได้ เพื่อวันข้างหน้าข้าราชการจะได้มีศักดิ์ศรี และไม่ทุจริต การทุจริตเกิดขึ้นใน 4 ประการ ได้แก่ รัฐบาล ข้าราชการ เอกชนและประชาชน ซึ่งทั้ง 4 ส่วนมีส่วนร่วมต่อกัน ถ้าหากแก้ไขไม่ได้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ การนำทุกอย่างที่ไม่โปร่งใสเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับรัฐบาลนี้ แต่สะสมมาตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่าน ๆ มา ดังนั้น รัฐบาลนี้มีหน้าที่ในการนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ข้าราชการทุกคนต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรและสร้างคุณธรรมและจริยธรรมให้ได้ รัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการทำงานตามบทบาทและภารกิจของทุกกระทรวง ทบวง กรมให้มีการประสานและสอดคล้องกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในบริบทต่างๆ
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า การเงินการคลัง และงบประมาณที่จะครอบคลุมใน 5 มิติ คือ มิติด้านการจัดซื้อจัดจ้าง มิติด้านการเบิกจ่าย ด้านการบัญชี ด้านการตรวจสอบภายใน และด้านความรับผิดทางละเมิด ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานในทุกส่วนราชการ โดยกรมบัญชีกลางได้นำนโยบายรัฐบาลมาดำเนินการใน 4 ด้านอย่างเป็นรูปธรรม ประกอบด้วย การเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ การลดความเหลื่อมล้ำ การป้องกันและขจัดปัญหาการทุจริต และการกำกับดูแลเงินนอกงบประมาณ
นายกรัฐมนตรี กล่าวในตอนท้ายว่า ข้าราชการต้องมีจิตสาธารณะ มีความเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม มุ่งทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ข้าราชการต้องมองไปที่การสร้างอนาคตของประเทศ ทำงานให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน รวมทั้งต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้สมกับเป็นกำลังสำคัญของประเทศอีกด้วย
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ชมพูนุท / รายงาน
ลัดดา / ตรวจ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th