นายกรัฐมนตรีระบุการสรรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญอยู่ระหว่างการดำเนินการ
วันนี้ (15 กันยายน 2558) เวลา 08.30 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังการนำคณะรัฐมนตรีปั่นจักรยานรอบทำเนียบรัฐบาลก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า การประชุมวันนี้ มีวาระคือเป็นเรื่องการดูแลประชาชนและปัญหาเหตุติดขัดต่างๆ ที่ยังมีอยู่ รวมถึงการแต่งตั้งข้าราชการบางตำแหน่ง
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปถึงความคืบหน้าการสรรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งการประชุมในวันนี้จะมีการพูดคุยในเรื่องดังกล่าวด้วย โดยได้ให้แนวคิดไปแล้วว่าให้ทุกคนเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมแล้วนำมาพิจารณาว่ามีใครบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการพูดคุยในเรื่องความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับการเชิญตัวนักการเมืองมาปรับทัศนคติด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ซึ่งอย่าไปสนใจอะไรมากนัก ถ้าบอกไม่ให้ทำนี่นั่น แล้วมาทำ ก็ต้องมาคุยกัน และต้องดูว่าการพูดคุยนั้นทำให้เราเสียหายหรือเปล่า ซึ่งถ้าพูดให้ตนเสียหายมันก็ไม่ถูก ตนทำทุกอย่างในสิ่งที่เขาไม่เคยได้ทำ ก็เลยเป็นปัญหาหรือเปล่า ตนไม่แน่ใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าอาจมีการพิจารณาเฉพาะตัวประธาน กรธ. ก่อนใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวปฏิเสธว่าไม่ใช่ ต้องให้มีการเสนอชื่อเข้ามาก่อน ตอนนี้ยังมีเวลา ซึ่งตนได้มอบนโยบายไปแล้วกับทุกกลุ่มว่า จากนั้นก็ค่อยมาแบ่ง และคัดเลือกเป็นกลุ่มที่ 1, 2, 3, 4, 5 แล้วค่อยมาประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อพิจารณาร่วมกัน ตอนนี้ให้แต่ละกลุ่มส่งชื่อเข้ามาก่อน เมื่อได้มาทั้งหมดก็จะมาจัดลำดับและคัดเลือกกันออกมา
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ขอให้ทุกคนคิดแต่เพียงว่าทุกอย่างนั้นทำเพื่อประโยชน์ดีกว่า อย่าไปมองตัวบุคคล วันนี้ ตนคิดว่าเรามองที่ตัวบุคคลมากเกินไป และเรามองการเมือง และประชาธิปไตยมากเกินไปหรือเปล่า ประชาธิปไตยจะใช้คำว่ามากหรือไม่มากก็ไม่เป็นไร แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า แล้วประชาธิปไตยที่ว่านั้นทำให้ประชาชนที่ยากจนมีรายได้ดีขึ้นหรือเปล่า ดังนั้น เราจะทำอย่างไรก็ได้ ใครจะเข้ามาใครจะไป ก็แล้วแต่ ขอเพียงทำให้ประเทศนี้มันดีขึ้นก็แล้วกัน ถ้าเข้ามาเป็นสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จะต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศนี้ก้าวหน้า พร้อมๆ กับการมีประชาธิปไตยที่แข็งแรง
“ผมไม่ได้ปฏิเสธประชาธิปไตยอยู่แล้ว เพียงแต่อยากให้แข็งแรงกว่าเดิม ได้นักการเมืองที่ดี แต่ไม่ดีผมก็ไม่ว่าใคร ดีหรือไม่ดีทุกคนรู้อยู่แล้ว ผมเพียงแต่ไม่อยากให้ได้เข้ามาด้วยนโยบายเพียง 1, 2, 3 แล้วมีคนที่ได้ประโยชน์เพียงกลุ่มที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมันไม่ได้ ต้องเป็นรัฐบาลที่เข้ามาแล้วสามารถอำนวยความสะดวกให้ทุกคนในประเทศนี้ ให้เกิดความเท่าเทียมกัน ทำมากก็ต้องได้มาก ทำน้อยก็ต้องขับเคลื่อนให้ได้มากขึ้น เพราะถ้ามันเท่าเทียมกันหมดก็คงไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว เพียงแต่รัฐบาลต้องสนับสนุนและส่งเสริมให้สามารถคงสภาพความเป็นอยู่ที่ดี ค้าขายกับต่างประเทศ มีเพื่อนในเวทีโลก ธุรกิจขนาดเล็กก็ต้องพัฒนาให้เป็นระดับกลาง ขนาดกลางก็ควรเติบโตเป็นขนาดใหญ่ ทั้งหมดหมายถึงทุกคนต้องมีรายได้และนำไปสู่ระบบของการเสียภาษี ซึ่งรัฐบาลก็ต้องไปดูว่ารายได้การเก็บภาษีเป็นอย่างไร ครบถ้วนหรือยัง ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ไปรีดนาทาเร้นใครอยู่แล้วซึ่งทุกคนก็ต้องช่วยกันบอกและชี้แจงไม่ใช่ว่าคิดอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา สื่อก็ออกมาต้าน อะไรที่เป็นผลประโยชน์ตัวเองก็อย่าลืมบวกผลประโยชน์ของชาติเข้าไปด้วย สื่อเป็นผู้ชี้แจงสังคม ก็ต้องชี้แจงให้เกิดความเข้าใจว่าบ้านนี้เมืองนี้ไปด้วยคนใดคนหนึ่งไม่ได้ คนทั้งประเทศ 70 ล้านคนต้องไปด้วยกัน ในความหมาย stronger together เราจะเจริญเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกัน ซึ่งรวมทั้งสื่อมวลชนด้วย”
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์
ที่มา: http://www.thaigov.go.th