สำหรับร่างเอกสารท่าทีไทยฉบับนี้จัดทำโดยคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 70 ซึ่งสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศ และเป็นการแสดงให้ประชาคมระหว่างประเทศเห็นบทบาทของไทยในฐานะสมาชิกที่ดีของสหประชาชาติ เอกสารจะครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ตามระเบียบวาระการประชุมฯที่ไทยให้ความสำคัญในแต่ละหมวด รวมทั้งสิ้น 9 หมวด ได้แก่ 1) การส่งเสริมการพัฒนาและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนตามข้อมติสมัชชาสหประชาชาติและผลการประชุมสหประชาชาติที่เกี่ยวข้อง 2) การรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ 3) การพัฒนาแอฟริกา 4) การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน 5) การประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพในการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม 6) การส่งเสริมความยุติธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ 7) การลดอาวุธ 8) การควบคุมยาเสพติด การป้องกันอาชญากรรมและการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศ และ 9) การบริหารองค์การและอื่น ๆ
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างเอกสารผลการประชุมสหประชาชาติระดับผู้นำเพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายหลัง ปี ค.ศ. 2015 โดยอนุมัติให้คณะผู้แทนไทยซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะร่วมรับรองเอกสาร “Transforming Our World: The 2030 Agenda for Sustainable Development” พร้อมให้คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมีอำนาจหน้าที่สำคัญในการเสนอแนะนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ เป็นกลไกหลักในระดับประเทศในการขับเคลื่อนให้หน่วยงานไทยนำวาระการพัฒนา 2030 ไปปฏิบัติ และติดตามผลการดำเนินงาน รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ให้กับภาคส่วนต่าง ๆ ภายหลังจากที่ได้มีการรับรองเอกสารผลการประชุมฯ แล้ว
สำหรับสาระสำคัญของร่างเอกสาร “Transforming Our World: The 2030 Agenda for Sustainable Development” พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
วัตถุประสงค์ของร่างเอกสารฯมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อมุ่งขจัดความยากจนในทุกมิติและทุกรูปแบบ สานต่อภารกิจที่ยังไม่บรรลุผลสำเร็จภายใต้เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (MDGs) และเน้นการพัฒนาที่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็น 3 เสาหลักของการพัฒนาที่ยั่งยืน ร่างเอกสารฯประกอบด้วย 5 ส่วน ได้แก่ (1) อารัมภบท (Preamble) โดยเป็นการสื่อสารวาระการพัฒนา 2030 กับประชาชนอย่างสั้นและกระชับ โดยกล่าวถึงการขจัดความยากจนและการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้หลักการ 5 Ps ได้แก่ ประชาชน (People) โลก (Planet) ความมั่งคั่ง (Prosperity) สันติภาพ (Peace) และความเป็นหุ้นส่วน (Partnership) (2) ปฏิญญา (Declaration) โดยกล่าวถึงวิสัยทัศน์ของวาระการพัฒนา 2030 และแสดงความมุ่งมั่นในการขจัดความยากจนในทุกมิติและทุกรูปแบบบนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศ (3) เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป้าประสงค์ (Sustainable Development Goals and Targets – SDGs & Targets) ซึ่งประกอบด้วยเป้าหมายและเป้าประสงค์ครอบคลุม 3 เสาหลัก ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (4) กลไกการดำเนินงาน (Means of Implementation – Mol) และหุ้นส่วนระดับโลก (Global Partnership) ซึ่งเน้นความร่วมมือระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา โดยครอบคลุมการระดมทุนจากภาครัฐภายในประเทศ การระดมทุนจากภาคเอกชนทั้งในและนอกประเทศ การให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (Official Development Assistance – ODA) การเสริมสร้างขีดความสามารถ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเน้นบทบาทการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน (5)การติดตามและทบทวนผล (Follow-up and review) เน้นการติดตามความก้าวหน้า ความสำเร็จ ความท้าทาย และช่องว่างในการดำเนินงานอย่างครอบคลุมเป็นประจำในทุกระดับ โดยในระดับชาติ จะส่งเสริมให้ใช้เครื่องมือทางนโยบายที่มีอยู่แล้ว อาทิ แผนพัฒนาแห่งชาติ รวมถึงการติดตามผลในระดับท้องถิ่นด้วย ในระดับภูมิภาค จะให้ประเทศในภูมิภาคหารือร่วมกันและระบุถึงกลไกที่เหมาะสม โดยอาจใช้กลไกที่มีอยู่แล้วในภูมิภาค และระดับโลก จะใช้เวทีการหารือทางการเมืองระดับสูง (High-Level Political Forum – HLFP) ภายใต้คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมในกรอบสมัชชาสหประชาชาติเป็นเวทีหลักซึ่งมีการประชุมทุกปี และจะมีการประชุมติดตามและทบทวนผลระดับโลกในระดับผู้นำครั้งแรกในปี ค.ศ. 2019 นอกจากนี้เอกสารฯ ยังเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาขีดความสามารถของระบบการจัดเก็บสถิติในประเทศกำลังพัฒนาเพื่อส่งเสริมการบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th