ภายหลังการหารือ พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของเอกอัครราชทูตภูฏานเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลา 3 ปีกว่าที่ดำรงตำแหน่งในไทย และมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้มีความแน่นแฟ้นและใกล้ชิดในทุกระดับ นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตภูฏานต่างเห็นพ้องว่า ทั้งสองประเทศมีความคล้ายคลึงกัน เนื่องจากทั้งสองประเทศต่างเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ มีความคล้ายคลึงในด้านวัฒนธรรมและศาสนา นอกจากนี้ สังคมของภูฏานยังเป็นสังคมที่มีรายได้หลักมาจากเกษตรกรรมเช่นเดียวกับไทย
ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ทั้งสองประเทศมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นเวลา 26 ปี โดยในปีที่ผ่านมา มีการจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 25 ปี ระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งในโอกาสดังกล่าว สมเด็จพระราชาธิบดีฯ ทรงริเริ่มข้อเสนอพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยได้เดินทางไปเที่ยวภูฏานในปี 2557 โดยงดเว้นค่าธรรมเนียมและภาษี ตลอดจนค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักให้แก่คนไทย นับเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชนของสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ในระดับราชวงศ์ สมาชิกพระราชวงศ์ภูฏานเสด็จเยือนไทยอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งรัฐบาลไทยยินดีและเป็นเกียรติที่ไทยได้มีโอกาสถวายการต้อนรับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน ในโอกาสที่แวะผ่านไทยเป็นการส่วนพระองค์ก่อนและภายหลังเสด็จฯ เยือนสิงคโปร์ในช่วงต้นปี นายกรัฐมนตรียังขอบคุณทางภูฏานที่ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเยือนภูฏาน โดยไทยจะประสานเกี่ยวกับช่วงเวลาที่จะทรงสะดวกในการเสด็จฯ ให้ทราบต่อไป
ด้านความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา มูลค่าการค้ารวมของทั้งสองประเทศลดลงจากเดิม โดยอุปสรรคสำคัญที่สำคัญคือไม่สามารถขนส่งทางทะเลได้โดยตรง นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตภูฏานต่างเห็นพ้องว่า ทั้งไทยและภูฏานต่างมีอินเดียเป็นคู่ค้าที่สำคัญร่วมกัน จึงอาจพิจารณาหารือร่วมกับอินเดียในการเพิ่มการค้าและการลงทุนระหว่างกันต่อไป นายกรัฐมนตรียังแสดงความยินดีที่ทั้งสองฝ่ายได้จัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ ซึ่งฝ่ายไทยอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนภายในเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลบังคับใช้ และเห็นว่าความตกลงฯ นี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยเฉพาะในด้านการก่อสร้าง การท่องเที่ยว และการบริการ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ
ด้านความร่วมมือทางวิชาการและความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ไทยพร้อมจะร่วมมือกับภูฏานด้านการพัฒนา ซึ่งรวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ผ่านแผนงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาไทย – ภูฏาน ในสาขาที่ไทยมีความเชี่ยวชาญและตามความต้องการของฝ่ายภูฏาน โดยเฉพาะทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและทุนฝึกอบรม ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีที่ทราบว่า มีผู้สมัครรับทุนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ตามที่ภูฏานประสงค์จะส่งนักบินมาฝึกอบรมในไทย ขณะนี้ฝ่ายไทยกำลังพิจารณาและคาดว่าจะสามารถจัดฝึกอบรมได้ภายในปีหน้า
ในช่วงท้าย เอกอัครราชทูตภูฏานกล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ในไทย โดยประเทศไทยเหมือนเปรียบเสมือนบ้านแห่งที่สอง เอกอัครราชทูตภูฏานหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ภูฏานจะแน่นแฟ้นและใกล้ชิดเช่นนี้ต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th