กขร.รับทราบมาตรการบริหารจัดการน้ำ คาดสัปดาห์หน้าเสนอต่อที่ประชุม ครม. พิจารณาเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำปี 2559

ข่าวทั่วไป Friday September 18, 2015 15:16 —สำนักโฆษก

วันนี้ (18ก.ย.58) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 9/2558 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลการประชุมสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานฯแจ้งที่ประชุมรับทราบว่า ในช่วง 2- 3 สัปดาห์ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ได้ปรารภถึงการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล รวมถึงเรื่องการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล รอบ 1 ปี ขณะเดียวกันเมื่อการประชุมคณะรัฐมนตรี (8ก.ย.58) และการประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรีกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (15ก.ย.58) ที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ได้รายงานเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญซึ่ง สปช. ได้มีมติไม่เห็นชอบทั้งฉบับ(6ก.ย.58) จึงมีผลให้ Road Map ของคณะรัฐมนตรีขยายออกไปจากเดิมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 และแก้ไขเพิ่มเติม พร้อมรายงานขั้นตอนและกรอบระยะเวลาการดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญ ภายหลัง สปช.ไม่เห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งโครงสร้างของรัฐ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 – เดือนกรกฎาคม 2560 ซึ่งประกอบด้วย1) คณะรัฐมนตรี ทำหน้าที่บริหาร การปฏิรูป และการปรองดอง และ 2) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำหน้าที่รักษาความสงบแห่งชาติ และเป็นกลไกให้คณะรัฐมนตรีในการบริหารและกลไกในการขจัดความขัดแย้ง การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง

ทั้งนี้ ในส่วนของการบริหารนอกจากจะประกอบด้วย ครม. ระบบราชการ แล้ว ยังมีคณะกรรมการขับเคลื่อน ซึ่ง คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) มีความสำคัญในการที่จะขับเคลื่อนการดำเนินงานของรัฐบาลให้เป็นไปตามเป้าหมายเกิดประโยชน์กับประชาชน ดังนั้น การดำเนินงานของ กขร. อาจมีการปรับรูปแบบการทำงานของ กขร. ให้สอดคล้องและสนับสนุนเร่งรัดการดำเนินงานของรัฐบาลสู่การปฏิบัติ รวมทั้งฝ่ายเลขาฯ กขร. จะส่งข้อสั่งการ และเรื่องนโยบายสำคัญเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรี ไปยังกระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ เพื่อให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องรับทราบปัญหาอุปสรรค และแนวทางในการแก้ไขต่อไป

พร้อมทั้ง ได้กล่าวถึงสิ่งที่ นายกรัฐมนตรี ย้ำต่อที่ประชุม ครม. (18ก.ค.58) ว่า นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศวาระแห่งชาติหลายเรื่อง โดยต้องการให้วาระแห่งชาติที่ประกาศไปเกิดผลในทางปฏิบัติ ดังนั้น กขร. ต้องเข้ามาช่วยเร่งรัดขับเคลื่อนในเรื่องนี้ ทั้งเรื่องการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น การปราบปรามยาเสพติด การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ การประมงที่ผิดกฎหมาย ฯลฯ อย่างไรก็ตามเรื่องวาระแห่งชาติดังกล่าวมีความคืบหน้าโดยดำลับ เช่น การต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น ได้มีการดำเนินการร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี ต้องการให้มีการรายงานผลการทำงานของรัฐบาลที่เป็นรูปธรรมชัดเจน และสามารถระบุได้ว่าตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาลได้ดำเนินการในเรื่องใดแล้วบ้าง เกิดผลสำเร็จและผลสัมฤทธิ์มากน้อยเพียงใด ซึ่งเรื่องนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีการหารือกับฝ่ายเลขานุการร่วมแล้ว จึงขอแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปี ของรัฐบาล โดยมี นางสาวเรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นประธานอนุกรรมการฯ ซึ่งการดำเนินการตรงนี้จะนำไปสู่การจัดทำรายงานฯ ที่มีความชัดเจน เป็นรูปธรรม แสดงให้เห็นถึงผลที่เกิดขึ้นจากการทำงาน ซึ่งในรายงานฯ จะประกอบไปด้วยหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวาระแห่งชาติ เรื่องเร่งด่วน เรื่องการทำงานตามนโยบาย ตลอดจนประเด็นเรื่องเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ เป็นต้น

พร้อมกันนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า ที่ประชุม กขร. ได้มีการหารือในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมของกระทรวงที่เกี่ยวข้อง คาดว่าสัปดาห์หน้า (22ก.ย.58) จะมีการนำเสนอมาตรการในบริหารจัดการน้ำต่อที่ประชุมครม. พิจารณา โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมในการเผชิญกับสถานการณ์น้ำในปี 2559 ซึ่งยังมีความน่าเป็นห่วงอยู่ โดยจะมีการดำเนินการในหลายมาตรการ เช่น เรื่องการบริหารจัดการน้ำ การดูแลเรื่องเกษตรกรรมทั้งในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง ทั้งนี้ ขอให้รอผลการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีในวันที่ 22 กันยายน 2558 ก็จะเห็นแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการประชุมหารือและบูรณาการการทำงานเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

รวมทั้ง ที่ประชุมได้มีการพิจารณาในเรื่องของการส่งเสริมการเกษตรให้เป็นแปลงใหญ่โดยยึดระบบ Zoning ซึ่งมีความพยายามที่จะให้เกษตรกรรายย่อยรวมตัวหรือรวมกลุ่มกัน จากแปลงเล็กมาเป็นแปลงใหญ่ ภายใต้งบประมาณ 390 ล้านบาท โดยมีพืชประมาณ 21 ชนิด ที่กระทรวงเกษตรฯ จะส่งเสริม เช่น มันสำปะหลัง ข้าว ผักปลอดภัย ฯลฯ ซึ่งขณะนี้มีการดำเนินการสำเร็จไปแล้วในบางพื้นที่ โดยมีการรวมตัวกัน 200 กว่าแปลง ขนาดของแปลงประมาณ 5,000 ไร่ – 10,000 ไร่ ซึ่งสิ่งสำคัญของการดำเนินการดังกล่าวเกิดจากการรวมตัวของเกษตรกรที่เป็นประชาคม ซึ่งจะช่วยในการลดต้นทุนการผลิต เกิดการถ่ายทอดและใช้เทคโนโลยีร่วมกัน ตลอดจนการส่งเสริมการตลาดที่ได้ง่ายขึ้น โดยจะนำเรื่องการส่งเสริมปลูกพืชแปลงใหญ่เสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ควรให้การสนับสนุน เนื่องจากเป็นเรื่องที่เป็นประโยชย์ต่อเกษตรกรและยุทธศาสตร์ด้านการเกษตรของรัฐบาล ซึ่งหากนายกรัฐมนตรี ได้รับทราบคาดว่าจะเกิดการส่งเสริมในเรื่องนี้ได้มากขึ้น และผลักดันให้เป็นยุทธศาสตร์ชาติในอนาคต เนื่องจากตรงนี้จะไปเชื่อมต่อกับเรื่องของการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม Zoning อีกด้วย

ขณะเดียวกัน ในปีหน้า 2559 จะมีการปรับการทำงานของ กขร. ให้เป็นเชิงรุกมากยิ่งขึ้น เพื่อทำให้การติดงานตามนโยบายรัฐบาลสามารถขับเคลื่อนไปได้และเกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน พร้อมทั้งจะมีการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปี เพื่อนำเสอนสภาตินิบัญญัติแห่งชาติ ก่อนเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป อย่างไรก็ตามในเรื่องการแถลงผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปี ของรัฐบาลยังไม่ได้กำหนดวันที่ชัดเจน โดยขอหารือกับสำนักโฆษกถึงรูปแบบการจัดแถลงผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปีของรัฐบาลก่อนชี้แจงให้สื่อมวลชนได้รับทราบในโอกาสต่อไป

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ