อย่างไรก็ตาม แม้จะมีฝนที่ตกหนักดังกล่าว แต่ส่วนใหญ่ยังตกนอกพื้นที่รองรับน้ำส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนยังมีไม่มากนัก โดยเฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่มีปริมาณน้ำไม่ถึง 50% ของความจุเขื่อน เช่น เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำ 33% เขื่อนสิริกิติ์ 44% เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 14% และเขื่อนแควน้อย 29% ของความจุ ทำให้ทุกฝ่ายต้องตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาน้ำ ทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง โดยเฉพาะน้ำแล้ง จึงอยากวิงวอนให้ประชาชนร่วมกันประหยัดการใช้น้ำ รวมถึงพี่น้องเกษตรกรบางพื้นที่ที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืชในอนาคตตามคำแนะนำของรัฐบาล
ทั้งนี้ รัฐบาลเข้าใจและเห็นใจพี่น้องเกษตรกรที่ประสบความเดือดร้อน จึงได้เร่งรัดจัดเตรียมมาตรการให้ความช่วยเหลือ ตลอดจนจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับพี่น้องเกษตรกรว่า สิ่งใดควรทำและไม่ควรทำในช่วงเวลานี้ ซึ่งไม่ได้เป็นการห้าม แต่เป็นการขอความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรเอง โดยจะออกมาตรการเป็นแพ็กเกจครอบคลุมทั้งมาตรการลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น สัดส่วนของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืช การตลาดสำหรับรองรับผลผลิตทางการเกษตรการช่วยเหลือเรื่องการจ้างงานและอีกหลายเรื่องหลายมาตราการ ภายใน 2 -3 สัปดาห์นี้ เพื่อไม่ให้พี่น้องเกษตรกรได้รับความเดือดร้อน
สำหรับในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม“นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่และครบทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า รวมถึงการฟื้นฟู เยียวยา เมื่อน้ำลดแล้ว พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนอย่างเต็มความสามารถ"
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th