รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวรายงานว่า การมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่นประจำปี 2558 มีวัตถุประสงค์เพื่อจูงใจและผลักดันให้เกิดการพัฒนาการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนให้เป็นไปตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล เพื่อสร้างความภาคภูมิใจและขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานแก่ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานของทุนหมุนเวียนตลอดจน ยังเป็นช่องทางของประชาชนในการติดตาม การดำเนินงานของทุนหมุนเวียน รวมทั้งได้รับทราบนโยบายด้านการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนของกระทรวงการคลัง อีกทั้ง ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ระหว่างกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาการดำเนินงาน โดยปีนี้มีผู้ได้รับรางวัลทั้งสิ้น 16 รางวัล โดยแบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้ 1) รางวัลผลการดำเนินงานดีเด่น 2) รางวัลพัฒนาดีเด่น 3) รางวัลประสิทธิภาพด้านการบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียนดีเด่นและ 4) รางวัลทุนหมุนเวียนเกียรติยศ
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบรางวัลมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ปี2558 พร้อมกล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประเทศในทุกมิติ เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องประชาชนในประเทศ และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้มีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคงตั้งแต่ระดับฐานรากจนถึงระดับประเทศ โดยในส่วนของภาครัฐได้มีการจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนที่เป็นกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์หรือเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการบริหารทุนหมุนเวียนเงินซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณเป็นอย่างมากเพราะว่า ทุนหมุนเวียนดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารและการพัฒนาประเทศที่ครอบคลุมทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ปัจจุบันรัฐบาลได้ผ่อนคลายทางการคลังให้มีความคล่องตัว เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐสามารถใช้จ่ายเงินตามภารกิจได้อย่างรวดเร็ว โดยมีทุนหมุนเวียนมี 5 ประเภท ได้แก่ ทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืม ทุนหมุนเวียนเพื่อการสงเคราะห์และสวัสดิการสังคม ทุนหมุนเวียนการจำหน่ายและการผลิต ทุนหมุนเวียนเพื่อการบริการและทุนหมุนเวียนเพื่อการสนับสนุนส่งเสริม
สำหรับผลงานของทุนหมุนเวียนที่ผ่านมาคือ มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบภัยแล้งผ่าน 15 ทุนหมุนเวียนได้แก่ การขยายเวลาการชำระหนี้ การพัฒนาแหล่งน้ำเดิมและจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม นอกจากนี้เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งเป็นหลักประกันให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของกองทุนเพื่อการชราภาพใดๆ ซึ่งทำให้ขาดความมั่นคงทางรายได้และได้มีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายยามจำเป็นและยามชราภาพ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีแนวโน้มของอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายสงเคราะห์และช่วยเหลือผู้สูงอายุโดยจ่ายเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุแล้ว แต่ไม่ยังเพียงพอสำหรับการครองชีพในปัจจุบัน ดังนั้นเพื่อเป็นการรักษาระดับค่าครองชีพในยามชรา ผู้สูงอายุจำเป็นต้องมีเงินออมหรือรายได้เสริมจากแหล่งอื่น ๆ มาสมทบโดยเงินออมของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ดำเนินการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยการกระจายเงินสู่ประชาชนผ่านกลไกของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เพื่อกระจายเงินไปถึงมือประชาชนให้มากที่สุด คาดว่าจะสามารถช่วยประชาชนได้ 5-6 ล้านคน โดยให้กู้เพื่อใช้เป็นเงินทุนเพื่อการประกอบอาชีพ ทำให้พี่น้องประชาชนทั้งเกษตร ผู้ค้ารายย่อย ผู้ประกอบการต่าง ๆ เพื่อสามารถสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นและเสริมสร้างให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจทั้งภาคการใช้จ่ายและภาคธุรกิจในจังหวัดให้มีความคล่องตัวและมีการกระจายรายได้ภายในชุมชนมากขึ้น รวมทั้งได้กำหนดมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับชุมชนของประเทศอีกทางหนึ่ง เพื่อให้ขยายตัวและเติบโตอย่างเข้มแข็ง และเพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีและความกินดีอยู่ดีให้แก่พี่น้องประชาชนในท้องถิ่นทั่วประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินงานกองทุนหมุนเวียนที่ผ่านมามีทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนที่เกินความจำเป็น รัฐบาลจึงมีนโยบายให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามข้อบังคับกระทรวงการคลังเรียกนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน เพื่อนำมาเสริมฐานะการคลัง รองรับการเบิกจ่ายงบประมาณนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศด้านอื่น ปัจจุบันมีทุนหมุนเวียนที่นำเงินส่งคลังแล้วจำนวน 16,906 ล้านบาท จากจำนวนทั้งสิ้น 28,081 ล้านบาทคงเหลือ 11,175 ล้านบาท อีกทั้ง การปรับปรุง พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนนอกจากการกำหนดให้ผลการประเมินเป็นปัจจัยในการพิจารณารวมหรือยุบเลิกทุนหมุนเวียนแล้วรัฐบาลยังได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดตั้ง กำกับ และบริหารทุนหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยคณะรัฐมนตรีได้มีการยกระดับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ว่าด้วยการขอจัดตั้งการดำเนินงานและการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2557 ให้เป็นพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... ซึ่งจะส่งผลครอบคลุมการบริหารทุนหมุนเวียนทั้งกระบวนการทำให้การบริหารทุนหมุนเวียนมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ชมพูนุท / รายงาน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th