เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 58 พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทย ได้จัดทำโครงการ “ตามรอยเท้าพ่อ” เพื่อปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเน้นหนักการเทิดทูนสถาบันหลักของชาติและขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทย โดยหน่วยงานกรม/รัฐวิสาหกิจในสังกัดและจังหวัดทุกจังหวัดได้ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ตามวาระ “ตามรอยเท้าพ่อ” มาอย่างต่อเนื่อง และภารกิจสำคัญประการหนึ่งที่กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินงานเพื่อสนองพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้ทรงมีความห่วงใยต่อผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้ป่วยที่ด้อยโอกาสหรือผู้ป่วยที่มีรายได้น้อยและมีความทุกข์ยากลำบากในการดำรงชีวิต และการแก้ไขปัญหาสัญชาติให้กับนักเรียนที่ไม่มีสถานะบุคคล
เพื่อสนองพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีที่ทรงมีความห่วงใยต่อพสกนิกรชาวไทยในทุกๆ ด้าน กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง จึงได้ดำเนินโครงการสำคัญเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน พัฒนาอาชีพ และดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สรุปผลการดำเนินงานในห้วงเดือนมกราคม – สิงหาคม 2558 ดังนี้
1.โครงการกำหนดสถานะให้แก่บุคคลไร้สัญชาติประจำปี 2558 ได้กำหนดสถานะบุคคลและลงรายการสัญชาติไทยให้แก่กลุ่มเด็กที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในพื้นที่ภูเขาสูง ห่างไกลและทุรกันดารโดยจัดส่งคณะเจ้าหน้าที่ของกรมการปกครองไปปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดเป้าหมาย เพื่อตรวจเอกสารหลักฐานและคุณสมบัติให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด โดยดำเนินการนำร่องในพื้นที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก และขยายผลในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งจากการดำเนินงานดังกล่าว ขณะนี้ได้มีการอนุมัติเพิ่มชื่อและลงรายการสัญชาติไทยให้แก่ผู้ไม่มีสถานะบุคคลแล้วจำนวน 579 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กนักเรียนในพื้นที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก จำนวน 110 ราย อย่างไรก็ดี กรมการปกครองมีเป้าหมายตรวจสอบคุณสมบัติของนักเรียน นักศึกษา และกลุ่มบุคคลทั่วไปที่ยังไม่มีสัญชาติไทยจากทั่วประเทศ จำนวน 68,526 ราย ได้ตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว จำนวน 19,528 ราย พบว่ามีผู้ที่มีคุณสมบัติได้สัญชาติไทย จำนวน 7,723 ราย โดยสำนักทะเบียนทั่วประเทศจะเร่งดำเนินการรับคำร้องขอกำหนดสถานะและขอสัญชาติไทยให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่มีคุณสมบัติต่อไป ซึ่งขณะนี้มีผู้มายื่นคำร้องแล้ว จำนวน 3,223 ราย
2.โครงการช่วยเหลือผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์พระบรมวงศานุวงศ์และผู้ป่วยที่ด้อยโอกาส โดยกระทรวงมหาดไทย ได้จัดทำแนวทางการปฏิบัติเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการภูมิภาค ทำหน้าที่ประสานและบูรณาการกับส่วนราชการต่างๆ ในการให้ความช่วยเหลือและดูแลประชาชนเหล่านี้ตามความเหมาะสม เช่น การช่วยเหลือผู้ป่วยและหรือญาติผู้ป่วย กรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้จำเป็นจะต้องให้ญาติเป็นผู้ดูแล โดยให้ความช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้ารับการรักษาพยาบาล เช่น ค่าพาหนะ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ระหว่างเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือช่วยเหลือในการดำรงชีพด้านอื่นๆ ตามความเหมาะสม และได้จัดตั้งศูนย์สงเคราะห์ราษฎรระดับจังหวัด อำเภอ และระดับหมู่บ้าน ซึ่งมีผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นกรรมการศูนย์ฯ ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในหมู่บ้าน มีการจัดตั้งแล้วใน 39 จังหวัด รวม 5,440 แห่ง รวมทั้งการช่วยเหลือผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและอำเภอ ปัจจุบันได้ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยรวม 4,345 ราย แยกเป็นผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์พระบรมวงศานุวงศ์ จำนวน 1,565 ราย และผู้ป่วยที่เป็นผู้ด้อยโอกาส จำนวน 2,780 ราย
3.โครงการพัฒนาตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยสนับสนุน และขยายผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาตามพระราชดำริเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ต่างๆ มีประชาชนได้รับประโยชน์จากทุกโครงการรวม 60,252 คน ดังนี้ 1) โครงการพัฒนาพื้นที่ ภายใต้แผนภูฟ้าพัฒนาตามพระราชดำริ จังหวัดน่าน ประชาชนได้รับประโยชน์รวม 6,253 คน 2) โครงการสร้างป่าสร้างรายได้ดำเนินการในพื้นที่ทรงงานศูนย์เรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” และพื้นที่อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย โดยจัดทำธนาคารพันธุ์พืชและปุ๋ยอินทรีย์ ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการรวม 2,992 คน พื้นที่รวม 10,087 ไร่ 3) โครงการเศรษฐกิจพอเพียงดำเนินการในพื้นที่ 20 จังหวัด 42 อำเภอ 42 หมู่บ้าน (ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการรวม 29,549 คน 4) โครงการพัฒนาพื้นที่เฉพาะ บ้านป่าเกี๊ยะ อำเภอสะเมิง บ้านดอยป่าคา อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และบ้านห้วยป๋อ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย เพื่อแก้ไขปัญหาตามพื้นที่ชุมชนที่สูงมีประชาชนได้รับประโยชน์รวม 1,746 คน และ 5) การสนับสนุนโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ (เพิ่มเติม) และการขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอื่นๆ ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น สกลนคร มุกดาหาร หนองบัวลำภู สุรินทร์เชียงใหม่ ตาก เชียงราย และจังหวัดลำปาง ประชาชนได้รับประโยชน์รวม 19,712 คน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับสนองงานสถาบันพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ทรงเป็นแบบอย่างในการทุ่มเทเสียสละพระวรกายดำเนินทุกวิถีทางที่จะช่วยให้ประชาชนชาวไทยพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงด้วยพระเมตตา โดยขอน้อมนำหลักการทรงงานและดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
ครั้งที่ 165/2558
วันที่ 29 ส.ค. 58
ที่มา: http://www.thaigov.go.th