โฆษกรัฐบาลเผยการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำเป็นชุดความคิดและชุดข้อมูลเพื่อใช้เป็นฐานทำความเข้าใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ข่าวทั่วไป Tuesday October 6, 2015 13:56 —สำนักโฆษก

วันนี้ (5 ต.ค.58) เวลา 14.25 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ ถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีปรารภและสั่งการต่อที่ประชุมฯ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อกรณีเรื่องปัญหาหมอกควันในบริเวณพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะตั้งแต่จังหวัดสตูลลงไป ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากภายในประเทศเท่านั้นแต่เกิดจากต่างประเทศด้วย จึงสั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังต่อไปนี้ 1) กระทรวงการต่างประเทศจะต้องประชุมหารือกันทั้งในระดับภูมิภาคและทวิภาคีว่าจะมีมาตรการในการที่จะร่วมมือกับทุกประเทศที่จะป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นอีกในโอกาสต่อไปได้อย่างไร 2) มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงสาธารสุข พิจารณาหาแนวทางในการที่จะดูแลประชาชนภายในประเทศให้เกิดความปลอดภัยให้ได้มากที่สุด เช่น การแจกจ่ายหน้ากากป้องกัน การฉีดละอองน้ำในพื้นที่เพื่อลดฝุ่นละออง ฯลฯ เพราะเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและให้มารายงานให้รับทราบโดยด่วน

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบว่า หลายโอกาสที่ได้มีการประชุมในระดับกลุ่มและระดับทวิภาคีพบว่าต่างประเทศหลายประเทศไม่เข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทยก่อนที่คสช.และรัฐบาลชุดปัจจุบันจะเข้ามาบริหารประเทศนั้นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ทั้งการใช้อาวุธสงคราม ระเบิดในพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ใจกลางเมือง และปัญต่าง ๆ จำนวนมากที่สะสมมาและมีผลกระทบต่อการดำเนินการของประเทศไทยเกี่ยวพันกับประเทศอื่น ตลอดจนเกี่ยวพันกับทรัพยากรที่ต้องดูแลรักษาเรื่องความยั่งยืน เช่น กรณีเรื่อง ICAO มาตรการความปลอดภัยทางด้านการบิน เรื่องการทำประมงที่ผิดกฎหมาย IUU ที่ระบุว่าเป็นการทำประมงที่เราไม่ได้คิดถึงความยั่งยืนของทรัพยากร เป็นต้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นปัญหามาในอดีตและแนวทางที่รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขต่าง ๆ จะต้องทำเป็นชุดความคิดและชุดข้อมูล หมายถึงเราจะต้องลงรายละเอียดเรื่องตัวเลขด้วย เพราะมีอีกกรณีที่แทรกขึ้นมาเพิ่มเติม เช่น เรื่องของการร้องขอให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องของการจ่ายงบประมาณอะไรก็แล้วแต่ คือ งบประมาณที่เรามีอยู่ 2.7 ล้านล้านบาท นายกรัฐมนตรีต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดทำรายละเอียดมาว่าเป็นงบประมาณในเรื่องของการลงทุนเท่าไร เป็นงบประมาณที่เกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายประจำที่จะต้องดูแล อาทิ เงินเดือน สวัสดิการ ฯลฯ จำนวนเท่าไร เป็นงบสำหรับใช้หนี้เก่าที่ผ่านมาจำนวนเท่าไร ตรงนี้จะต้องแยกตัวเลขให้ละเอียด รวมถึงเรื่องของการนำเงินในอนาคตมาใช้จนทำให้เกิดหนี้ ซึ่งการที่จะลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนจะต้องมีตัวที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างแท้จริง ทั้งนี้การลงไปชี้แจงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย หรือเจ้าหน้าที่ทหารของ คสช. จะต้องแปลงชุดข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่จะทำความเข้าใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้รับรู้ปัญหาร่วมกันและเกิดความเข้าใจถึงสาเหตุความจำเป็นที่รัฐบาลและคสช.ต้องเข้ามาบริหารประเทศ และเข้าใจถึงวิธีการดำเนินการของรัฐบาลและคสช.

อย่างไรก็ตามการที่รัฐบาลต้องดำเนินการดังกล่าวนั้น เพราะเกิดจากความพยายามของบุคคลบางกลุ่มที่ต้องการจะให้ร้ายรัฐบาลว่าการที่รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างนี้เป็นการไปรังแกคนจน แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาทั้งระบบที่สะสมมายาวนาน ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวก็ทำให้มีผู้ที่ได้รับผลกระทบ ส่วนหนึ่งเป็นเกษตรกรและประชาชนผู้มีรายได้น้อย ทั้งนี้หากพิจารณาอย่างละเอียดจะพบว่าสิ่งต่าง ๆ ที่รัฐบาลแก้ปัญหาแบบยั่งยืนนั้น ได้มีมาตรการมาคอยช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรที่จะได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นการดำเนินการต่าง ๆ ดังกล่าวจะต้องจัดทำเป็นชุดความคิดและชุดข้อมูลเพื่อให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศใช้เป็นฐานในการที่จะทำความเข้าใจ

ส่วนการดำเนินการเรื่องชุดข้อมูลดังกล่าวจะเป็นการประสานงานกันระหว่างศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ และหน่วยงานที่จะต้องลงพื้นที่ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ และ คสช.

สำหรับเรื่องซิงเกิ้ลเกตเวย์นั้น ได้มีการอธิบายชี้แจงมาโดยตลอด แต่ก็มีบุคคลที่พยายามที่จะบิดเบือนข้อมูล ซึ่งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรียังไม่เคยสั่งทำโครงการอะไรเกี่ยวกับซิงเกิ้ลเกตเวย์ เป็นเพียงการปรารภกันในที่ประชุมว่ามีข้อมูลหลายอย่างที่แพร่ในโลกโซเชียลมีเดียและเป็นผลร้ายต่อสังคมโดยเฉพาะเยาวชนซึ่งไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม หากมีข้อมูลลักษณะเช่นนี้ในวันข้างหน้าจะกระทบต่อวิถีชีวิตของสังคมไทยอย่างแน่นอน รวมไปถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจภายใต้การนำของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ต้องการจะขับเคลื่อนเศรษดิจิทัลให้ก้าวไปข้างหน้า ซึ่งภาคธุรกิจ ภาคเอกชน และ SMEs จะต้องสามารถที่จะจำหน่ายสินค้าทั้งภายในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศผ่านระบบ อีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ได้ ตรงนี้คือข้อห่วงใย นายกรัฐมนตรี จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวง ICT ไปพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวขัองกับข้อห่วงใยดังกล่าวมีข้อมูลอะไรบ้าง มีผลดีและผลเสียอย่างไรในแต่ละข้อมูล ตรงนี้คือสิ่งที่ปรารภในที่ประชุมครม.

ทั้งนี้ได้มีการไปดาวโหลดข้อมูลดังกล่าวจากเว็บไซต์ของรัฐบาลและมาบอกว่าเป็นมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งความจริงไม่ใช่ เพราะเรื่องสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ถือเป็นการบริหารราชการ แต่หน่วยงานทุกกระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้องจะนำหลักการหรือคำสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติจะต้องดูกฎหมายที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย เพราะฉะนั้นอย่าแปลความหมายผิด

ขณะเดียวกันวันนี้มีความพยายามที่จะชักชวนให้กลุ่มคนบางกลุ่มเข้าไปใช้บริการของเว็บไซต์หรือที่เรียกว่าเข้าไปถล่มให้เว็บไซต์ล่มนั้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงว่า 1) การกระทำลักษณะดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และการทำเรื่องผิดกฎหมายเช่นนี้จะมีร่องรอยหลงเหลืออยู่ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสามารถที่จะตรวจสอบและสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดได้ 2) ข้อกฎหมายที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 12 และมาตรา 13 ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องไอทีได้กำหนดความผิดไว้ชัดเจน เช่น มาตรา 9 ใครทำให้ข้อมูลของคนอื่นเสียหายมีโทษ มาตรา 10 ใครทำให้ข้อมูลของคนอื่นระงับล่าช้า ดำเนินการได้ไม่เป็นไปตามสิ่งที่เขาคิดหรือวางแผนไว้มีความผิด มาตรา 12 เหตุที่เกิดวันนี้ส่งผลกระทบวันนี้หรือในวันหน้ามีความผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงมีความผิด และใครก็แล้วแต่ที่เผยแพร่ชุดข้อมูลที่จะชักจูงกันให้คนเข้าไปถล่มเว็บไซต์ก็มีความผิดทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนต้องไปศึกษารายละเอียดให้ดีเพราะไม่ต้องการให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อยและถูกลงโทษโดยกฎหมาย

อย่างไรก็ตามในส่วนเว็บไซต์ต่าง ๆ ของทางราชการส่วนใหญ่เป็นเว็บไซต์สำหรับไว้บริการประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการสนับสนุนส่งเสริมการค้าขายและทำธุรกรรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สัปดาห์ที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พยายามจะทำตลาด SMEs ออนไลน์ ซึ่งประชาชนเข้าไปใช้บริการเว็บไซต์ของรัฐบาลอยู่ แต่มีอีกส่วนที่ไม่หวังดีต่อชาติก็ไปถล่มเว็บไซต์ทำให้มีประชาชนที่ใช้บริการได้รับความเดือดร้อน จึงขอฝากเตือนกลุ่มที่พยายามจะยุยงเพื่อให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นนั้น ขอให้เห็นกับประเทศไทยและเห็นกับตัวของตัวเอง รวมทั้งประชาชนคนไทยทุกคน เพราะประเทศไทยคือบ้านของเราเอง เราจะไปเผ่าบ้านตัวเองทำไม หากบ้านไฟไหม้ทุกคนก็เปียกฝนกันหมด

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ