วันนี้ (6 ต.ค. 58) เวลา 15.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารธนชาต นำคณะนักเรียนผู้ชนะเลิศการประกวดมารยาทไทยและการอ่านฟังเสียงในโครงการ “ธนชาต ริเริ่ม...เติมเต็ม เอกลักษณ์ไทย” เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมี กรรมการตัดสินการแข่งขันอ่านฟังเสียงและการประกวดมารยาทไทยจากสำนักงานราชบัณฑิตยสภา กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กสทช. ผู้แทนจากธนาคารธนชาต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนและนักศึกษาที่ชนะเลิศการประกวดมารยาทไทยและการแข่งขันอ่านฟังเสียง ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโครงการ “ธนชาต ริเริ่ม...เติมเต็ม เอกลักษณ์ไทย” ครั้งที่ 44 ประจำปี 2558 และขอชื่นชมนักเรียน นักศึกษาทุกคนที่เป็นตัวแทนสถาบันการศึกษาเข้าร่วมประกวดในครั้งนี้ ซึ่งทุกคนได้ให้ความสำคัญในเอกลักษณ์ความเป็นไทย รัฐบาลเองมีความเป็นห่วงในเรื่องความเป็นไทย โดยจะเห็นว่าได้มีการปลูกฝังจิตสำนึกไทยผ่านค่านิยม 12 ประการ เพื่อให้ทุกคนเกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมและความเป็นไทยซึ่งมีมาอย่างยาวนาน รวมทั้งประเทศไทยเป็นประเทศเอกราชที่มีความเจริญทางอารยธรรมมาหลายร้อยปี เราจึงมีภาษาและวัฒนธรรมประเพณีอันงดงามที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเอกลักษณ์และเสน่ห์ประจำชาติ จึงควรภาคภูมิใจและตระหนักถึงคุณค่าของวัฒนธรรมประเพณีของชาติ และนำมาปฏิบัติใช้ให้ถูกต้องเพื่อเป็นการเผยแพร่และคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันดีงามของไทย
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่สำคัญนักเรียน นักศึกษาทุกคนต้องรู้จักเชื่อฟังและให้ความเคารพต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ครู อาจารย์ อีกทั้งเอกลักษณ์ของความเป็นไทยไม่ใช่สิ่งที่เราแสดงออกมาเท่านั้น แต่ใจจะต้องเป็นไทยด้วย ซึ่งจิตใจความเป็นไทยที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดเราจะต้องไม่หลงลืมในความเป็นไทย ขณะเดียวกันวันนี้ต้องนำประวัติศาสตร์ในอดีตมาเรียนรู้ เพื่อเดินหน้าสู่อนาคต ซึ่งจะต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้น “อดีตคือปัจจุบัน และปัจจุบันคืออนาคต” เราต้องช่วยกันสร้างประวัติศาสตร์ที่ดีของไทยให้ได้ อย่างไรก็ตามเราต้องช่วยกันเติมให้เต็มในเอกลักษณ์ของไทย เติมทั้งกาย เต็มทั้งใจ ทั้งสมองอย่าแยกจากกัน ขณะเดียวกันอยากให้ทุกคนช่วยกันอนุรักษ์ดนตรีไทย ร่วมกันสร้างสำนึกไทยให้เกิดขึ้น ตลอดจนเรื่องภาษาอยากให้เด็กไทยทุกคนใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องชัดเจน หมั่นฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญทั้งการพูด การอ่าน และการเขียน เพื่อให้สามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้องเหมาะสม คนไทยทุกคนเป็นเจ้าของภาษาและต้องใช้ติดต่อสื่อสารกันในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการแสดงออกทางกาย ซึ่งถือเป็นมารยาทในการอยู่ร่วมกันในสังคม
นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญว่า นอกจากการเรียนรู้วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ชาติไทยแล้ว การเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้าน CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์, เวียดนาม) รวมทั้ง AEC ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อให้เกิดความทัดเทียมกับนานาประเทศ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า ขอให้ช่วยกันสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่เป็นคุณค่าของประเทศ เพื่อให้คนไทยเกิดความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ความเป็นไทยและสิ่งที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ไว้ให้อนุชนรุ่นหลัง
ตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณธนาคารธนชาตและคณะผู้จัดงาน ตลอดจนครู อาจารย์ทุกท่าน
ที่ได้ร่วมกันจัดโครงการที่มีคุณค่าเพื่อให้นักเรียน นักศึกษาได้เห็นความสำคัญและมีส่วนร่วมเผยแพร่วัฒนธรรมไทยที่ถูกต้อง ช่วยปลูกฝังค่านิยมและสร้างความตระหนักรู้ในคุณค่าของความเป็นไทยต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th