พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ทั้งสองฝ่ายกล่าวยินดีที่ได้พบ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูตฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย เชื่อมั่นว่าด้วยความรู้และความสามารถ เอกอัครราชทูตฯ จะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยพร้อมร่วมมือ และอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานที่ประเทศไทยของเอกอัครราชทูตฯ เพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความเจริญรุ่งเรืองระหว่างสองประเทศ
ในโอกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ เยือนฟิลิปปินส์เพื่อเยี่ยมชมโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเดือนมกราคม 2559 นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอความร่วมมือจากเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทยและรัฐบาลฟิลิปปินส์ในการรับเสด็จฯ
สถานการณ์ทางการเมืองไทย นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยัน รัฐบาลดำเนินการตามกรอบระยะเวลาเพื่อการปฏิรูปประเทศ ส่วนกรณีเหตุการณ์สี่แยกราชประสงค์ ทางการไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และได้ดำเนินมาตรการในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเอกอัครราชทูตฯกล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การดูแลชาวฟิลิปปินส์ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตอนนี้อาการดีขึ้นและได้เดินออกจากประเทศไทยแล้ว โดยรัฐบาลจะดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยอย่างดีที่สุด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวฝากความระลึกถึงไปยังประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ พร้อมขอบคุณที่ให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติและอบอุ่น ในการเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีพอใจผลการเยือน ที่ช่วยกระตุ้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้มีพลวัต โดยทั้งสองฝ่ายควรให้ความสำคัญกับการติดตามการดำเนินการตามผลการเยือนให้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอเอกอัครราชทูตฯ ให้ช่วยติดตามและเร่งรัดการดำเนินการตามผลการเยือนฟิลิปปินส์ให้มีความคืบหน้าโดยเร็ว ทั้งการจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ (Joint Commission for Bilateral Cooperation – JCBC) ครั้งที่ 6 ซึ่งฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพในปีนี้ การประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการค้า (JTC) การประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางทหาร (JCMC) ซึ่งฝ่ายฟิลิปปินส์จะเป็นเจ้าภาพ การส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน การเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวทางถนน (ไทย-กัมพูชา-เวียดนามและมาเลเซีย) และเรือสำราญ ความร่วมมือด้านวิชาการและการเกษตร โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิชาการระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ครั้งแรก การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการแรงงานและการให้ความช่วยเหลือด้านกงสุลแก่แรงงานชาวไทยและฟิลิปปินส์ในประเทศที่สาม และการเร่งรัดหาข้อสรุปความตกลงและบันทึกความเข้าใจที่คั่งค้างต่าง ๆ
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ปริมาณการค้าในช่วงปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และหวังให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันเพื่อเพิ่มปริมาณทางการค้าและลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกันต่อไป
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอการสนับสนุนจากรัฐบาลและเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ฯ ให้พิจารณานำเข้าข้าวคุณภาพชั้นดีจากไทย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอให้เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ฯ ช่วยเร่งรัดบันทึกความเข้าใจด้านบริการเดินอากาศ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและบริการระหว่างสองประเทศมากยิ่งขึ้น เนื่องจากไทยและฟิลิปปินส์มีศักยภาพในด้านนี้ โดยขณะนี้ไทยกำลังดำเนินการปรับปรุงท่าเรือ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งการพิจารณาเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะนำเรื่องนี้ไปหารือในการประชุมอาเซียนปลายปีนี้ด้วย
ในตอนท้าย นากยรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณไปยังประธานาธิบดีฟิลิปปินส์สำหรับการเชิญเยือนฟิลิปปินส์เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปคในเดือนพฤศจิกายน 2558 ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีเข้าร่วมการประชุมฯ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th