พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณี เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) อายุ ๒๘ ปี ร่างกายพิการ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งขณะนี้ ครอบครัวประสบความเดือดร้อน เพราะภรรยาทำงานเพียงคนเดียว เพื่อหารายได้เลี้ยงดูคนในครอบครัวรวม ๖ คน และกรณี ชายชรา อายุ ๘๔ ปี กับภรรยา อายุ ๗๒ ปี ที่เดินไม่ได้ต้องนอนอยู่บนแคร่ไม้ไผ่สภาพผุพัง อาศัยอยู่ด้วยกันในกระท่อมสภาพทรุดโทรม มีรายได้จากเบี้ยผู้สูงอายุ และรับจ้างทำไร่บ้าง ที่อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งทั้งสองกรณี ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช (พมจ.นครศรีธรรมราช) และพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (พมจ.ประจวบคีรีขันธ์) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่สังกัดกระทรวงฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเร่งให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจของกระทรวงฯ
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณี ชาย อายุ 56 ปี อาชีพเก็บของเก่า แจ้งความดำเนินคดี กับบุตรสาว อายุ 35 ปี ที่ติดยาเสพติดและสุราอย่างหนัก และได้ทำร้ายร่างกายบุตรชายแท้ๆ วัย 2 ขวบ ซึ่งทำให้ไหปลาร้าหัก 3 ท่อน กระดูกต้นแขนหัก พร้อมทั้งขู่วางยาพิษฆ่ายกครัว ที่กรุงเทพฯ นั้น ตนได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และเร่งให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจของกระทรวงฯ พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลในเรื่องการรักษาพยาบาลและฟื้นฟูเยียวสภาพจิตใจของเด็กชายดังกล่าว รวมทั้งการบำบัด ยาเสพติดผู้เป็นแม่ในระยะยาวต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th