รับทราบ ข้อมูลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในเอเชีย
นายพินิติ รตะนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลการจัดอันดับของกลุ่มมหาวิทยาลัยในเอเชีย ประจำปี 2015 จากสองสถาบัน คือ
- Quacquarelli Symonds ซึ่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ติดอันดับ 1 ในส่วนมหาวิทยาลัยของไทยที่ได้อันดับดีที่สุด 4 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยมหิดล อันดับที่ 44, รองลงมาคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันดับที่ 53, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อันดับที่ 99, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันดับที่ 143
- Times Higher Education ได้จัดอันดับให้มหาวิทยาลัยโตเกียว ติดอันดับ 1 ของเอเชีย ในส่วนมหาวิทยาลัยของไทยที่ได้อันดับดีที่สุดมี 2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี อันดับที่ 55 และมหาวิทยาลัยมหิดล อันดับที่ 91
ทั้งนี้ ที่ประชุมขอให้ สกอ.นำผลการจัดอันดับจากตัวชี้วัดทั้งสองแห่งไปดูว่า มหาวิทยาลัยของไทยควรจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขส่วนใดภายใต้นโยบายของรัฐบาลคือ ผลิตและพัฒนากำลังคนให้ตรงกับความต้องการของประเทศ
การขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับเงินเดือนร้อยละ 4 ให้กับพนักงานมหาวิทยาลัยที่จ้างโดยเงินงบประมาณแผ่นดิน
ที่ประชุมได้รับทราบมติ ครม. เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2558 ที่ได้อนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นค่าปรับบัญชีเงินเดือนฯ ของบุคลากรภาครัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2557 - 30 กันยายน 2558 เป็นจำนวนเงิน 809 ล้านบาท ให้กับพนักงานมหาวิทยาลัยจำนวน 68,707 คน
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณส่วนที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นเงินเดือนสำหรับปีงบประมาณต่อไป ที่ประชุมจึงขอให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาหลักการเพื่อขอรับการจัดสรรงบกลางในปีงบประมาณ 2559 รวมทั้งงบประมาณแผ่นดินสำหรับปีงบประมาณ 2560 ด้วย
เห็นชอบร่างข้อเสนอโครงการทุนพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิจัยของอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา ระยะเวลา 10 ปี (พ.ศ.2560-2569)
ที่ประชุมเห็นชอบร่างข้อเสนอโครงการทุนดังกล่าว ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่อง โดยความร่วมมือของ สกอ. กับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งโครงการเดิมได้ครบระยะเวลาดำเนินการตามแผนระยะยาว พ.ศ.2545-2556 แล้ว มีผลปรากฏชัดเจนว่าเป็นโครงการที่ดีที่สุด (The Best) ของโครงการส่งเสริมนักวิจัยรุ่นใหม่ และผู้รับทุนส่วนมากมีผลงานวิจัยต่อเนื่องหลังจากสิ้นสุดโครงการแล้ว โดยช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้ได้รับทุนรวมตลอดโครงการ 12 ปี จำนวนทั้งสิ้น 3,000 ทุน โดยมีผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติจำนวน 2,789 เรื่อง มีผลงานได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว 39 เรื่อง ผลงานวิจัยที่นำเสนอในการประชุมวิชาการ 66 เรื่อง และวารสารไทย 55 เรื่อง
ที่ประชุมจึงได้เห็นชอบที่จะให้ดำเนินการโครงการดังกล่าวต่อไป โดยมีเป้าหมายที่จะดำเนินการในระยะเวลา 10 ปี (พ.ศ.2560-2569) ดังนี้
- สร้างอาจารย์รุ่นใหม่ รุ่นกลาง และรุ่นกลางระดับอาวุโส รวมทั้งอาจารย์อาวุโสในการผลิตผลงานและสร้างกลุ่มวิจัยมากกว่า 4,883 ทุน เพื่อทดแทนนักวิจัยที่จะเกษียณอายุราชการไปเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาดังกล่าว
- มีผลงานตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติไม่น้อยกว่า 10,000 เรื่อง
- มีผลงานสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรไม่น้อยกว่า 500 เรื่อง
- ผลงานวิจัยสามารถนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาหรือเป็นแนวทางแก้ปัญหาของประเทศได้ไม่น้อยกว่า 500 เรื่อง
ส่วนงบประมาณทุนวิจัยดังกล่าว จะเป็นการสนับสนุนทุนร่วมกันระหว่าง สกอ.-สกว. จำนวน 4,883 ทุน ตลอดระยะเวลา 10 ปี จำนวน 6,292 ล้านบาท
รับทราบการแต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์-รองศาสตราจารย์ จำนวน 56 ราย
ที่ประชุมรับทราบการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ และรองศาสตราจารย์ และเห็นชอบการได้รับเงินประจำตำแหน่งดังกล่าว รวม 56 ราย แยกเป็น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ 46 ราย (สถาบันอุดมศึกษาของรัฐเดิม 25 ราย ราชภัฏ 15 ราย และราชมงคล 6 ราย) รองศาสตราจารย์ 10 ราย (สถาบันอุดมศึกษาของรัฐเดิม 9 ราย และราชภัฏ 1 ราย)
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ จำนวน 5 ราย คือ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 1 ราย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 1 ราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 1 ราย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2 ราย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th