ภายหลังการหารือ พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้พบกับเอกอัครราชทูตมองโกเลียในวันนี้ และขอต้อนรับกลับสู่ประเทศไทย เนื่องจากเอกอัครราชทูตมองโกเลียเคยเข้าร่วมหลักสูตรการอบรมภาษาและวัฒนธรรมไทยและยังเคยประจำการที่สถานเอกอัครราชทูตมองโกเลียประจำประเทศไทยอีกด้วย จึงนับเป็นโอกาสดีที่เอกอัครราชทูตมองโกเลียได้กลับมาไทยอีกครั้ง โดยหวังว่าการหารือต่างๆ เป็นไปด้วยความราบรื่นและประสบผลสำเร็จ
นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตมองโกเลียได้หารือถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมองโกเลียมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น เอกอัครราชทูตมองโกเลียกล่าวว่าไทยกับมองโกเลียมีความสัมพันธ์อย่างราบรื่น ทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกันมากขึ้น ไทยและมองโกเลียยังประสบผลสำเร็จในการร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อปีที่แล้ว สำหรับความร่วมมือพหุภาคี ไทยและมองโกเลียต่างสนับสนุนซึ่งกันและกันในเวทีระหว่างประเทศมาโดยตลอด ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตมองโกเลียต่างเห็นพ้องกันว่า ไทยและมองโกเลียควรขยายความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพ อาทิ การค้า ความร่วมมือด้านวิชาการ การท่องเที่ยว รวมถึงการลงทุนด้านอุตสาหกรรมเหมืองแร่ พลังงาน การเกษตร และการก่อสร้าง เป็นต้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยมีความคืบหน้าในเรื่องการปฏิรูปด้านต่างๆเพื่อปูทางไปสู่กระบวนการประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนและการเลือกตั้งในปี 2560 พร้อมเน้นย้ำว่าการดำเนินการปฏิรูปของไทยเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ต่อทั้งไทยและมิตรประเทศทั้งสิ้น สำหรับความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้ไทยมีการเปลี่ยนแปลงกฎกติกาทางด้านการลงทุน จึงขอให้เอกอัครราชทูตมองโกเลียศึกษาในรายละเอียดเพื่อแสวงหาโอกาสในการลงทุนเพิ่มเติมระหว่างไทยและมองโกเลียให้มากขึ้น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยที่จะส่งเสริมการลงทุนไทยในมองโกเลีย จึงขอให้รัฐบาลมองโกเลียให้การสนับสนุนดูแลการลงทุนของไทยในมองโกเลียด้วยเพื่อเป็นการดึงดูดให้บริษัทไทยเข้าไปลงทุนในมองโกเลียมากขึ้น
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตมองโกเลียยังได้หารือถึงความร่วมมือในกรอบพหุภาคี โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวได้แสดงความยินดีที่มองโกเลียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเชีย-ยุโรป(ASEM) ครั้งที่ 11 พร้อมชื่นชมมองโกเลียว่ามีบทบาทแข็งขันในเวทีความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณมองโกเลียที่ยอมรับการแลกเสียงสนับสนุนการลงรับสมัครเลือกตั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งไทยลงสมัครในวาระปี ค.ศ. 2017-2018 นายกรัฐมนตรียืนยันที่จะสนับสนุนมองโกเลียในการลงรับสมัครเลือกตั้งของมองโกเลียในตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council) วาระปี ค.ศ. 2016-2018
ที่มา: http://www.thaigov.go.th