ตามที่ นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร มีนโยบายด้านการควบคุมทางศุลกากร และปกป้องสังคมอย่างเคร่งครัด จึงให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรสำนักสืบสวนและปราบปราม ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้มงวดเป็นพิเศษในการสกัดกั้น ป้องกันและปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดให้โทษกับผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีแนวโน้มลักลอบสูงขึ้น จึงได้ สั่งการให้ นายจำเริญ โพธิยอด รองอธิบดีฯ นางฉวีวรรณ คงเจริญกิจกุล ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา และบริหารการจัดเก็บภาษี นายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม นายชัยยุทธ คำคุณ ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายธาดา ชุมไชโย ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 3 นายเดชา วิชัยดิษฐ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 สำนักสืบสวนและปราบปราม ดำเนินการวางแผนจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติ
เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2558 เวลา 15.00 น. หน่วย Airport Interdiction Task Force : AITF ประกอบด้วย กรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) และศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) นำโดยนายวิมล สุขช่วย นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ หัวหน้าหน่วยสืบสวนปราบปรามที่ 3 ฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 สำนักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร กับพวก ได้ตรวจค้น จับกุม นายโฮเซ อัลเบอร์โต มาติเนส โซโต (MR. JOSE ALBERTO MARTINEZ SOTO) อายุ ๔๕ ปี สัญชาติโบลิเวีย (BOLIVIA) ถือหนังสือเดินทางประเทศโบลิเวีย (BOLIVIA) หมายเลขหนังสือเดินทาง A643312 ผู้ถูกจับกุมคนดังกล่าวเป็นผู้โดยสารของสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ (EMIRATES AIRLINE) เที่ยวบินที่ EK262/14.09.58 เดินทางมาจากเมืองเซาเปาโล (SAO PAULO) ประเทศบราซิล (BRAZIL) แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ (DUBAI) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UNITED ARAB EMIRATES) โดยสายการบิน เอมิเรตส์ แอร์ไลน์ (EMIRATES AIRLINE) เที่ยวบินที่ EK384/15.09.58 ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ราชอาณาจักรไทย
เครื่องลงเวลาประมาณ 12.30 น. ของวันที่ 15 กันยายน 2558 โดยเจ้าหน้าที่ฯ ได้เอกซเรย์กระเป๋าเดินทางทรงอ่อน จำนวน ๒ ใบ ที่นายโฮเซ อัลเบอร์โต มาติเนส โซโต (MR. JOSE ALBERTO MARTINEZ SOTO) นำมาพร้อมกับตน พบสิ่งผิดปกติบริเวณภายในกระเป๋าสัมภาระทั้ง 2 ใบ จึงได้ทำการตรวจค้นโดยละเอียด พบวัตถุต้องสงสัยเป็นผงสีขาว ห่อหุ้มด้วยพลาสติกสีเงินมันวาวและกระดาษคาร์บอนสีเทา จำนวน 5 ห่อ ซุกซ่อนอยู่ในช่องลับของกระเป๋าทั้ง 2 ใบ เมื่อได้ทดสอบเบื้องต้นด้วยน้ำยาทดสอบสารเสพติด ผลปรากฏว่าวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน หรือโคเคน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 5,200 กรัม มูลค่าประมาณ ๒๐.๘ ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th